ความจำเป็นในการสื่อสารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราจึงต้องหาโซลูชั่นด้านการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการทำงานได้อย่างไม่ติดขัด
TP-Link มีผลิตภัณฑ์ด้านการเชื่อมต่อมากมายทั้งแบบระบบ Wire และ Wireless ให้เลือกใช้มากมายโดยในแต่ละรุ่นก็มีฟีเจอร์ฟังก์ชันที่ดีและเหมาะสมกับงานในลักษณะต่างๆ โดยล่าสุดก็ได้มีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์ในรุ่น Archer C50 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
TP-Link Archer C50 เป็น Wireless Dual Band Router ตามมาตรฐาน 802.11 ac ให้ความเร็วที่สูงมาก โดยมีความเร็วรวมระดับ 1.2 Gbps ตัวเครื่องมีการปรับโฉมใหม่ รองรับคลื่นความถี่ทั้งแบบ 5GHz และ 2.4 GHz ก่อนหน้านั้นตัวบอดี้จะมีสีดำและมีเสาสัญญาณเพียงแค่ 2 เสาเท่านั้น แต่สำหรับโฉมใหม่นี้ นอกจากจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เป็นสีขาวพร้อมลวดลายที่งดงาม ยังได้ขยายเสาสัญญาณเพิ่มเป็น 4 เสาด้วย ซึ่งเสาที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นการขยายระยะของสัญญาณไวร์เลสส์ให้ครอบคลุมพื้นที่ในทุกตารางนิ้วเพื่อการใช้งานอย่างลื่นไหลและไม่ติดขัดนั่นเอง
วิเคราะห์ตัวอุปกรณ์
TP-Link Archer C50 ออกแบบให้แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด เริ่มตั้งแต่ตัวบอดี้มีสีขาว และมีความโค้งมัน โลโก้ด้านบนถูกปรับเป็นโลโก้ใหม่ พร้อมทั้งเสาสัญญาณแบบ 5dBi จำนวน 4 เสา มีไฟ LED แสดงสถานะการทำงานของระบบต่างๆ ให้เห็นได้ชัดเจน ด้านหลังนั้นถือเป็นจุดศูนย์รวมของพอร์ตและปุ่มต่างๆ โดยไล่มาตั้งแต่
1. ช่องเสียบไฟ
2. ปุ่ม Power สำหรับเปิดปิดระบบ
3. ปุ่ม Reset เพื่อปรับเปลี่ยนไปเป็นค่าเริ่มแรก
4. ปุ่มเปิดปิดฟังก์ชัน Wi-Fi Protected Setup (WPS)
5. พอร์ต RJ45 สำหรับอินเทอร์เน็ต 1 พอร์ต, และพอร์ตอีเธอร์เน็ต 4 พอร์ต
การติดตั้ง
การติดตั้งอุปกรณ์ TP-Link Archer C50 ทำได้อย่างง่ายดาย (อ่านคู่มือแค่ 1 นาที ก็ติดตั้งได้แล้ว)
1. ให้คุณปิดเราท์เตอร์ตัวหลักที่บ้านก่อน
2. เอาสาย LAN เชื่อมระหว่าง Archer C50 และเราท์เตอร์ที่บ้านเข้าด้วยกัน
3. เปิดเราท์เตอร์หลักที่บ้าน (รอสัก 2 นาที ให้เราท์เตอร์มันทำงาน) แล้วจากนั้นก็ค่อยเปิดตัว Archer C50
4. ทุกอย่างเป็นอันเรียบร้อย !!
หลังจากติดตั้งเสร็จแล้ว คุณก็จะพบว่ามีสัญญาณ Wi-Fi ออกมาให้คุณเลือกจำนวนสองคลื่นความถี่ (SSID) ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้นที่ตั้งมาจากโรงงาน ชื่อว่า TP-Link_1955 (สำหรับคลื่น 2.4 GHz) และ TP-Link_1955_5G (สำหรับเครื่องใดที่รองรับ 5GHz ก็จะเห็นคลื่นความถี่อันนี้) พร้อมพาสส์เวิร์ดมาให้ (พาสส์เวิร์ดแปะอยู่ใต้ตัวเครื่อง)
การใช้งานและการคอนฟิกค่าต่างๆ
ในกรณีที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลงของค่าต่างๆ ของตัวอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ค่า SSID, เปลี่ยนพาสส์เวิร์ด, การทำ Guest Network หรือการตั้งค่า DHCP และอื่นๆ สามารถกระทำได้ 2 ทางด้วยกันคือ
วิธีที่ 1 : การคอนฟิกผ่านทางหน้าเว็บ URL
1. วิธีการนี้เป็นวิธีที่จำเป็นต้องใช้หน้าเว็บ URL เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเปิดหน้าเว็บบราวเซอร์ขึ้นมา แล้วพิมพ์ http://192.168.0.1 หรือจะพิมพ์เป็นตัวอักษร http://tplinkwifi.net ซึ่งเป็นเป็นค่าเริ่มต้นของตัว Archer C50 จากนั้นให้ใส่ Username และ Password ซึ่งค่าปกติจะเป็น admin ทั้งคู่
2. มันจะขึ้นหน้า UI ต่างๆ มาให้เราที่จะคอนฟิกค่าต่างๆ ซึ่งด้านซ้ายมือนั้นจะเป็นเมนูในการคอนฟิกค่า โดยให้เราเลือกได้ว่าเราจะกำหนดอะไรบ้างเช่น ค่า Network, ค่า Wireless ทั้ง 2.4 และ 5 GHz (โดยเปลี่ยนได้ทั้งชื่อ SSID และพาสส์เวิร์ดของ SSID), ค่า Guest Network, ค่า DHCP, การควบคุม Bandwidth เพื่อการใช้งาน, ฟีเจอร์ Parental Controls และอื่นๆ อีกมากมาย
วิธีที่ 2 : การคอนฟิกผ่านทางแอพฯ Tether
1. ให้คุณโหลด Application ที่ชื่อว่า TP-Link Tether ลงบนสมาร์ทโฟนเสียก่อน ผ่านทาง Play Store สำหรับ Android และ App Store สำหรับ iOS
2. นำเครื่องสมาร์ทโฟนดังกล่าวเชื่อมโยง SSID ของ TP-Link
3. เปิดแอพฯ Tether ขึ้นมา จากนั้นก็เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ TP-Link Archer C50 พร้อมใส่รหัสผ่านเริ่มต้นซึ่งก็คือ admin และพาสส์เวิร์ดก็ admin เช่นกัน (เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง)
4. ในหน้าถัดมานี้จะมีเมนูต่างๆ ให้เราตรวจสอบสถานะและทำการเปลี่ยนแปลงได้
5. คลิกที่เมนูคำว่า “เครื่องมือ” ก็จะพบเมนูย่อยๆ อีกมากมาย เช่น ระบบ Wireless, รหัสผ่าน, การเชื่อมอินเทอร์เน็ต, เครือข่าย Guest Network, ฟีเจอร์ Parental Controls ที่คล้ายๆ กับหน้า URL
ทดสอบประสิทธิภาพ
เมื่อเราได้ทำการปรับแต่งค่าต่างๆ เสร็จสิ้นตามความต้องการแล้ว ก็เริ่มมาทดสอบการใช้งานจริงกัน ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่ามันติดตั้งง่าย ผมใช้เวลาแค่ 5 นาที ก็ใช้สามารถใช้งานคลื่นสัญญาณ Wi-Fi จาก TP-Link Archer C50 ได้เรียบร้อยแล้ว เราใช้โปรแกรม Speed Test ทดสอบความเร็วระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อตรวจดูความสามารถในการรับส่งข้อมูล โดยเปรียบเทียบกันให้เห็น ความเร็วอินเทอร์เน็ตหลักที่เราใช้อยู่นั้นจะเป็น 30Mbps / 5Mbps (DW/UP) ซึ่งจากผลลัพธ์ก็คือ เราท์เตอร์ตัวเดิมที่ใช้นั้น ทำสปีดได้ค่าดาวน์โหลดที่ 23.20 Mpbs ส่วนขาอัพโหลดที่ 6.69 Mpbs ในขณะที่ Archer C50 ย่านความถี่ 2.4 GHz ขาดาวน์โหลดที่ 31.73 Mbps ส่วนขาอัพโหลดที่ 6.47 Mpbs และ ย่านความถี่ที่ 5 GHz ขาดาวน์โหลดที่ 35.10 Mbps ส่วนขาอัพโหลดที่ 6.83 Mpbs
ทีนี้เราก็มาใช้โปรแกรม LAN Speed Test เวอร์ชัน 3.5 ในการทดสอบการใช้งานระหว่างเครือข่ายในองค์กร โดยทำการอัพและดาวน์โหลดไฟล์ ซึ่งเราเจนเนอเรตไฟล์ขนาดประมาณ 1 GB ขึ้นมา โดย Archer C50 ใช้เวลาในอัพโหลดไฟล์ประมาณ 191 วินาที (หรือประมาณ 3 นาที) ความเร็วที่ประมาณ 418 เมกะบิตต่อวินาที และดาวน์โหลดไฟล์ 135 วินาที (ประมาณ 2.2 นาที) และความเร็วที่ 592 เมกะบิตต่อวินาที
ซึ่งถือได้ว่าเป็นความเร็วที่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจเป็นอย่างมากรวมทั้งการที่มี 4 เสา ทำให้สัญญาณค่อนข้างครอบคลุม โดยสัญญาณเต็มหลอดเลยทีเดียว (ดูภาพประกอบด้านล่าง)
บทสรุป
โดยส่วนตัวผมชอบ Archer C50 เป็นอย่าง ชอบประสิทธิภาพความเร็ว และสัญญาณที่ครอบคลุม ซึ่งเป็นปัญหามากเกี่ยวกับบ้านที่มีจำนวนห้องและชั้นต่างๆ มากมาย ซึ่งสัญญาณไวร์เลสส์จากอุปกรณ์ตัวเดิมไปไม่ถึง แต่ด้วยความที่ Archer C50 รุ่นใหม่ปรับเสามาเป็น 4 เสาและมีคุณสมบัติอย่างเช่น Power Amplifier (PA) ทำตัว Archer C50 ให้มีกำลังสูงขึ้น และวงจร Low Noise Amplifier (LNA) เป็นวงจรขยายสัญญาณและกำจัดสัญญาณรบกวน ซึ่งแก้ไขปัญหาได้ดีมากขึ้นด้วย อีกทั้งฟีเจอร์ต่างๆ ที่มาพร้อมกับตัวอุปกรณ์ รวมถึงแอพฯ TP-Link Tether ที่ต้องบอกว่าใช้งานง่ายสุดๆ สามารถจัดการงานต่างๆ ได้รวดเร็ว ผ่านทาง UI ของแอพฯ ที่มีความเรียบง่าย ซึ่งหากใครต้องการอุปกรณ์ Wireless Router ที่มีประสิทธิภาพ TP-Link Archer C50 ไม่ทำให้คุณผิดหวัง ปัจจุบันราคา Archer C50 จำหน่ายที่ 1,590 บาท รับประกันแบบ Limited lifetime warranty
หมายเหตุ : โปรโมชันพิเศษ ซื้อสินค้าจากที่ไหนก็ได้ นำใบเสร็จและรูปถ่ายมาลงทะเบียนที่ Line @tplink ทางทีมงานจะจัดส่งอุปกรณ์รับสัญญาณ Wi-Fi มาตรฐาน AC รุ่น Archer T2U มูลค่า 690 บาทไปให้ฟรี !!
ท่านใดสนใจสามารถติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.tp-linkco.th , Line :@tplink , Facebook: www.facebook.com/TPLinkTH