เมื่อเร็วๆ นี้ คุณศิวัจน์ โรจนเต็มศักดิ์ และคุณวรกร การีจรัล 2 ผู้บริหารจาก Zebra Technologies มาขยายความเพิ่มเติมถึงวิสัยทัศน์การลงทุนในธุรกิจคลังสินค้าของผู้ประกอบการ ทำให้เห็นทิศทางการนำโซลูชั่นของ Zebra Technologies ไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น
อ้างอิงจากรายงานเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ด้านการจัดการระบบคลังสินค้า (Warehouse Vision Report) ของ Zebra Technologies ครั้งล่าสุดพบว่า 74% ของผู้มีอำนาจตัดสินใจในบริษัทที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีแผนจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพนักงานผู้ดูแลคลังสินค้า ซึ่งเมื่อมาวิเคราะห์เจาะลึกยังพบว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า มีความต้องการลงทุนใน Internet of Things หรือ IoT ถึง 72% รองลงมาก็คือเทคโนโลยีสแกนบาร์โค้ด (70%) แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ (69%) บิ๊กดาต้า/Data analytics (67%) และระบบคลังสินค้า/Truck loading automation (67%)
กว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามยังเผยด้วยว่า เหตุผลหลักที่ต้องมีการลงทุนในระบบคลังสินค้าเพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ขณะที่อีก 41% ต้องการลดระยะเวลาในการขนส่ง 38% ต้องการอำนวยความสะดวกแก่ซัพพลายเออร์ และพาร์ทเนอร์ทางการค้า นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการจัดการสินค้าคงคลัง การขาดแคลนผู้มีทักษะ ฯลฯ ร่วมด้วย
“รายงานเรื่อง Warehouse Vision ของค่าย Zebra ยังพบว่า 72% ของผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ 1,400 คน คาดหวังว่าจะได้ใช้โซลูชั่น voice-directed picking ภายในปี ค.ศ. 2020 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2015 ที่มีความต้องการเพียง 30% เท่านั้น” คุณวรกร การีจรัล กล่าว “รูปแบบการทำงานที่พนักงานสามารถโฟกัสเนื้องานในมือมากกว่าโฟกัสไปที่การควบคุมอุปกรณ์ดิจิตอลเป็นสิ่งที่นายจ้างยุคใหม่ให้ความตระหนัก ซึ่งโซลูชั่นของ Zebra Technologies ที่สามารถช่วยให้มือและสายตาของพนักงานในโกดังสินค้าเป็นอิสระได้นั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยให้ทำงานได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
“การขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นำโดยยักษ์ใหญ่อย่างจีนและอินเดีย ได้ทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นโกดังสินค้าของทั้งโลก เทคโนโลยีสารสนเทศ และการจัดการระบบ โกดังสินค้ารวมถึงการกระจายสินค้าจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ และมีต้นทุนที่ลดลงเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน”