Wi-Fi มาอยู่คู่พวกเราตั้งแต่ปี 1997 แล้ว เกิดมาพร้อมกับสมัยของกูเกิ้ล ไอโฟน และหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถือเป็นเทคโนโลยีดึกดำบรรพ์อย่างแท้จริง แต่ถึงจะมีมานานแล้ว Wi-Fi ก็ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องให้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้ใช้ทั่วไปและระดับองค์กร
โดยที่ผ่านมามีโปรโตคอล Wi-Fi ออกใหม่มาแล้วรวมกว่า 8 เวอร์ชั่น เวอร์ชั่นล่าสุดก็คือ Wi-Fi 6 (802.11ax) ที่เพิ่งปล่อยเมื่อปี 2019 ซึ่งที่ผ่านมาแต่ละรุ่นต่างก็ผ่านการยกระดับให้เร็วขึ้น เสถียรขึ้น ใช้งานได้สะดวกง่ายมากขึ้น
ปัจจุบัน Wi-Fi เวอร์ชั่นที่ยังมีใช้งานอยู่แพร่หลายได้แก่ Wi-Fi 4, Wi-Fi 5, Wi-Fi 6, และ 6E ทางซิสโก้ทำนายว่า เครือข่ายทั่วโลกทั้งหมดกว่า 51% จะกลายเป็น Wi-Fi ภายในปี 2022 เพิ่มจากแค่ 43% เมื่อปี 2017 ที่สำคัญ ซิสโก้ทำนายตัวเลขนี้ก่อนช่วงโควิดระบาดด้วย
คาดว่าด้วยกระแสการทำงานจากระยะไกลที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้ตัวเลข 51% ดังกล่าวเพิ่มขึ้นแตะ 60% หรือสูงกว่าด้วยซ้ำ อันเป็นผลจากแรงงานนับหลายล้านรายจะไม่กลับไปทำงานที่ออฟฟิศอีก พร้อมที่จะทำงานจากระยะไกลเป็นการถาวร
แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาทำงานอยู่ที่บ้าน ก็ต้องการความสะดวกและความคล่องตัวจาก Wi-Fi นอกจากนี้ด้วยจำนวนอุปกรณ์เชื่อมต่ออย่าง Internet of Things (IoT) ที่เติบโตเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งต้องการ Wi-Fi ที่มีแบนด์วิธสูงขึ้น ดีเลย์ต่ำลงตามไปด้วย
ในงานสัมมนาผ่านเว็บของอินเทลนั้น ดอกเตอร์ Carlos Cordeiro ซีทีโอด้านการเชื่อมต่อไร้สายกล่าวว่า Wi-Fi 6 ล่าสุดนั้นพัฒนาขึ้นทั้งด้านการรองรับการขยายระบบ ด้านความปลอดภัย และความเร็ว แต่ก็ยังมีช่องว่างให้พัฒนาได้ดีกว่านั้นอีก
พร้อมทั้งเผยว่าตอนนี้มาตรฐานใหม่อย่าง Wi-Fi 7 กำลังถูกวิจัยพัฒนาโดย IEEE ในชื่อ P802.11be ที่น่าจะออกมาให้ได้ยลโฉมในอีก 3 ปีข้างหน้า คาดว่าทำความเร็วได้มากกว่า Wi-Fi 6 ถึง 5 เท่า ด้วยเทคโนโลยีอย่าง Multi-Link Operation (MLO)
ที่มา : Networkworld
