Wi-Fi 6 เป็นมาตรฐานที่น่าสนใจมากที่จะเข้ามาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไอทีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และแสดงให้เห็นว่าเครือข่ายไร้สายมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่ AI สามารถมีบทบาทช่วยเหลือในสภาพแวดล้อมใหม่นี้ได้
จากที่ทุกคนรอคอยกันมานาน ล่าสุดทาง Wi-Fi Alliance ก็ได้ปล่อยมาตรฐานการรับรอง Wi-Fi 6 ไปเมื่อเดือนกันยายน โดยระบุถึงความสามารถที่มากกว่าเกือบ 4 เท่าของมาตรฐานก่อนหน้า หรือให้ประสบการใช้งานที่ดีขึ้น
โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย อย่างเช่น พี่ทำงานที่มีการใช้อุปกรณ์ดิจิตอลหนาแน่นเป็นพิเศษ มหาวิทยาลัย สนามบิน และสนามกีฬา ซึ่งตอนนี้มีผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนรายใหญ่ 2 เจ้าที่เริ่มขายผลิตภัณฑ์ Wi-Fi 6 กันแล้ว
อันได้แก่ Samsung Galaxy S10 และ iPhone 11 เรียกว่าเวลาถึงเวลาที่ผู้ที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่จะเริ่มย้ายไปใช้อุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับกันแล้ว ดังนั้นเราลองมาดูเทคโนโลยีสำคัญใน Wi-Fi 6 ดังนี้
OFDMA ย่อมาจาก Orthogonal Frequency Division Multiple Access การพัฒนาหลักที่สำคัญของมาตรฐานนี้เนื่องจากช่วยเพิ่มการรองรับการใช้งานที่หนาแน่นของอุปกรณ์ และเสถียรภาพของแอพพลิเคชั่น
BSS Coloring ซึ่ง BSS ย่อมาจาก Basic Service Set เป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการอธิบายตัวแอคเซสพอยต์ไร้สาย (AP) พี่อุปกรณ์ client ทุกเครื่องจะเชื่อมต่อด้วย ซึ่งมาตรฐาน IEEE 802.11ah นี้ จะเพิ่มประสิทธิภาพของคลื่นวิทยุได้
1024-QAM เวลาที่คนแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปคลื่นวิทยุนั้นจะเป็นการสร้างสัญญาณ ที่ความถี่ของจุดแสดงถึงปริมาณข้อมูลที่สามารถส่งได้ภายในช่วงเวลาที่กำหนด เทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มทรูพุตได้มากถึง 25%
Extending MU-MIMO ดาวน์ลิงค์สำหรับผู้ใช้หลายคนพร้อมกันผ่าน MIMO ที่เปิดตัวมาตั้งแต่มาตรฐาน 802.11ac Wave 2 (หรือที่เรียกกันว่า Wi-Fi 5) นี้ จะอำเภอความสะดวกให้หลายอุปกรณ์สามารถรับข้อมูลพร้อมกันจากแอคเซสพอยต์ตัวเดียวกันได้
Target Wait Time (TWT) เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการลดการใช้พลังงานซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออุปกรณ์ IoT ที่ใช้แบตเตอรี่ โดยเปิดให้อุปกรณ์สามารถกำหนดได้ว่าจะเปิดทำงานเพื่อรับส่งข้อมูลหรือจะพักการทำงานเมื่อไหร่
บทบาทของ AI ใน Wi-Fi 6 ตัว Wi-Fi 6 ถือเป็นโปรโตคอลที่ซับซ้อน จะซับซ้อนเกินกว่าที่บริษัทต่างๆ จะนำใช้งานได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่ง AI ในการจัดการและปรับปรุงเครือข่ายแบบอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น OFDMA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากในการใช้งาน แต่ AI สามารถเข้ามาหาวิธีที่ดีที่สุดในการแบ่งช่องสัญญาณ โดยอิงจากลักษณะของอุปกรณ์ไคลเอนต์ที่อยู่รวมกันบนเครือข่ายได้ (เช่น กรณีที่มีอุปกรณ์บางส่วนเท่านั้นที่รองรับ Wi-Fi 6)
ที่มา : Networkcomputing