การแก้ปัญหาเครือข่ายภายในคลาวด์ทั้งแบบพับลิกและไฮบริดจ์นั้นค่อนข้างวุ่นวายประมาณหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อผู้ใช้ปลายทางเริ่มบ่นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้งานทั้งกับตัวเน็ตเวิร์กและแอพ และการสูญเสียความสามารถในการมองเห็นเครือข่ายภายในคลาวด์ทำให้วิธีการและเครื่องมือในการแก้ปัญหาเดิมๆ ไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก ดังนั้น เราจึงต้องมองหาทางเลือกอื่นเพื่อให้สามารถมองเห็นกิจกรรมของเน็ตเวิร์กได้อีกครั้ง
ซึ่งทาง NetworkComputing.com ก็ได้รวบรวมเคล็ดลับ 5 ประการที่ช่วยให้สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนสภาพแวดล้อมทั้งบนคลาวด์แบบพับลิกและไพรเวทได้ดังนี้
1. ตรวจสอบว่าทุกแอพและเซอร์วิสทำงานได้ดี
ตรวจสอบว่าทุกแอพและเซอร์วิสทำงานได้ปกติจากต้นทางไปยังปลายทางสิ่งแรกที่ควรทำในการแก้ปัญหาบนคลาวด์ หรือปัญหาที่เกิดกับบริการใดๆ นั้นคือ การตรวจสอบว่าผู้ให้บริการคลาวด์ไม่ได้มีปัญหาทางฝั่งของตัวผู้ให้บริการเองซึ่งกระบวนการตรวจสอบมักขึ้นกับรูปแบบการใช้บริการไม่ว่าจะเป็น SaaS, PaaS, หรือ IaaS เช่น แพลตฟอร์ม Salesforce SaaS มีเพจแสดงสถานะที่สามารถตรวจดูได้ว่ามีเหตุการณ์ ปัญหา หรืออยู่ในช่วงบำรุงรักษาใดๆ ที่มีผลต่อการใช้งานของผู้ใช้อยู่หรือไม่ นอกจากนี้อย่าลืมตรวจสอบบริการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานคลาวด์ของเราด้วย เช่น DHCP และ DNS ทั้งแบบภายในและภายนอก
2. ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเครือข่ายที่เกิดขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้กรณีที่ปัญหาที่เกิดกับแอพบนคลาวด์อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้น สาเหตุมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเครือข่ายก่อนหน้า ซึ่งถ้าเป็นบนแลนขององค์กรเองแล้ว เราก็มักหันมาตรวจสอบการตั้งค่าไฟร์วอลล์, NAT, หรือการเพิ่ม/เปลี่ยน VLAN เป็นต้น แต่การตั้งค่าเหล่านี้ก็มีผลกับการใช้งานบนคลาวด์โดยเฉพาะแบบ IaaS ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่า QoS หรือการปรับแต่งทราฟิกอื่นๆ ก็อาจไปทำให้ประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่างแลนของบริษัทกับบริการบนคลาวด์ลดลงได้โดยไม่ตั้งใจ
3. ลองหันกลับมาใช้เครื่องมือแก้ปัญหา และตรวจสอบเน็ตเวิร์กแบบเก่าดู
เนื่องจากทูลแก้ปัญหาเครือข่ายแบบเก่านั้นอาจจะใช้ได้ดีกว่า หรือแย่กว่าก็ได้ ขั้นกับโมเดลสถาปัตยกรรมคลาวด์ที่กำลังใช้งานอยู่เช่น เวลาที่ใช้ IaaS ชื่อดังอย่าง AWS EC2 หรือ Microsoft Azure ก็สามารถใช้ทูลแก้ปัญหาเครือข่ายพื้นฐานเพื่อช่วยแก้ปัญหาและมองเห็นเครือข่ายได้ค่อนข้างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น Ping, Traceroute, และ SNMP ไปจนถึงการใช้ NetFlow/IPFIX ในการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ หรือแต่การตรวจจับแพ็กเก็ตโดยใช้ทูลเดิมที่นิยมใช้กันได้ในระดับหนึ่ง แต่ว่าในกรณีโมเดลคลาวด์แบบ PaaS หรือ SaaS นั้น เครื่องมือดั้งเดิมดังกล่าวจะเริ่มพิการ ใช้งานไม่ได้ดีเท่าที่ควรจะเป็น จนต้องหันมาให้ความเชื่อมั่นกับผู้ให้บริการของคุณแทนว่าสามารถจัดการเครือข่ายของตัวเองได้ดีที่สุดตามที่ควรจะเป็น
4. ให้ทูลประเมินและวินิจฉัยแอพพลิเคชั่นที่บิวท์อินมาให้
มีแอพพลิเคชั่นระดับองค์กรหลายตัวที่มีทูลวินิจฉัยแบบบิ้วท์อิน ที่ฝ่ายไอทีสามารถนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาเครือข่ายได้ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้มักให้ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้สามารถระบุปัญหาที่เกี่ยวข้องกับทั้งประสิทธิภาพและตัวแอพพลิเคชั่นเอง ไปจนถึงปัญหาที่เกิดกับเครือข่ายหรือโครงสร้างพื้นฐาน ตัวอย่างเช่น ถ้ากำลังมีปัญหากับ Microsoft Teams ผ่าน Office 365 ก็สามารถทดสอบและตรวจสอบประสิทธิภาพเครือข่ายแบบ End-to-End ผ่านทูลที่มาพร้อมกันอย่าง Skype for Business Network Assessment Tool ได้ แม้ปกติทูลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ตรวจสอบว่าสามารถติดตั้ง Teams ได้ก่อนการติดตั้งจริงหรือไม่ก็ตาม แต่ก็สามารถใช้ทูลนี้เพื่อทดสอบก่อนติดตั้งอย่างอื่น หรือแม้แต่ใช้แก้ปัญหาได้ด้วย
5. ลองใช้เครื่องมือเพิ่มเติม
พิจารณาเลือกใช้เครื่องมือวิเคราะห์เครือข่ายแบบ Pure-Play หรือที่บิวท์มากับ SD-WAN ทูลและแพลตฟอร์มวิเคราะห์เครือข่ายนั้นถือเป็นทางเลือกใหม่ล่าสุดสำหรับเหล่าแอดมินในการแก้ปัญหาเน็ตเวิร์ก และปัญหาด้านประสิทธิภาพการใช้งานแอพพลิเคชั่น ซึ่งแพลตฟอร์มวิเคราะห์เครือข่ายจะมีการรวบรวมข้อมูลที่เรียกว่า Streaming Telemetry และข้อมูลสถานะเน็ตเวิร์กผ่านวิธีและโปรโตคอลหลายตัว จากนั้นจึงเอาข้อมูลจากทุกทางมาผสานรวมกัน และวิเคราะห์ด้วยระบบสมองกล (AI) ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์นี้จะช่วยชี้ให้เห็นถึงบริเวณบนเครือข่ายทั้งในองค์กรและบนคลาวด์ที่กำลังเกิดปัญหาประสิทธิภาพเครือข่ายได้ตรงจุด และถ้าคุณใช้สถาปัตยกรรมแบบ SD-WAN ให้ครอบคลุมไปถึงพับลิกคลาวด์แล้ว ก็ยังสามารถใช้ประโยชน์จากระบบ Analytic ที่มักมีมาพร้อมกับแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ด้วย
ที่มา : Networkcomputing