เทรนด์ไมโคร ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้ออกมาประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2020 ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา
โดยในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ยอดขายสุทธิของเทรนด์ไมโครยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 9% เมื่อพิจารณาที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ อันเป็นผลจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์ทุกประเภททั้งบริษัท และจากทุกภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งบริษัทได้สร้างการเติบโตให้กับกลุ่มธุรกิจเชิงพาณิชย์จนสามารถผลักดันให้มีการเติบโตของยอดขายรวมทั้งหมดปีต่อปีได้ถึง 15% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษอย่างการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริดจ์ เมื่อพิจารณาที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ อีกทั้งการดำรงตำแหน่งผู้นำตลาดนั้นก็มีความสำคัญมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อย้ายการประยุกต์ใช้งานใหม่ ๆ ขึ้นไปยังคลาวด์ให้ได้ผลตามเป้าหมายทางธุรกิจของตัวเองท่ามกลางภาวะที่เต็มไปด้วยอุปสรรคเช่นนี้
โดยมีการเร่งเปลี่ยนถ่ายให้ลูกค้าเชิงพาณิชย์ย้ายขึ้นไปใช้โซลูชั่นแบบ SaaS ได้เร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมีการติดตั้งอินสแตนซ์ SaaS เพิ่มด้วยอัตราการเติบโตปีต่อปีมากถึง 59% จากการที่ธุรกิจต่าง ๆ มองหารูปแบบการใช้บริการไลเซนส์แบบยืดหยุ่น และการติดตั้งที่ง่ายมากของโซลูชั่นแบบ SaaS ยิ่งมีปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และสังคมทั่วโลกในขณะนี้ที่ทำให้ทุกฝ่ายมาให้ความสนใจกับเทรนด์ไมโคร อย่างลูกค้าที่พยายามหาการสนับสนุนในการปฏิวัติทางดิจิตอล ที่มักจะต้องการระบบรักษาความปลอดภัยแบบมัลติเลเยอร์เพื่อปกป้องการทำงานจากระยะไกลทั่วทั้งองค์กรด้วย
“การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าไปทั่วโลกต่างส่งผลกระทบทั้งครอบครัว สังคม องค์กรต่างๆ และแน่นอนที่สุดคือ การเปลี่ยนมุมมอง และรูปแบบวิถีการดำรงชีวิตของทุกคน” Eva Chen ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอของเทรนด์ไมโครกล่าว “ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ ก็รู้สึกประทับใจ และภาคภูมิใจมากกับพนักงานของเราที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่ไปพร้อม ๆ กับยังอุทิศตนเพื่อคอยสนับสนุนความสำเร็จของลูกค้า และความเป็นเลิศบนคลาวด์ ซึ่งผลประกอบการประจำไตรมาสเช่นนี้ได้สะท้อนถึงสิ่งที่เราทุ่มเทเพื่อทำให้โลกดิจิตอลปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และบทบาทของเราที่ช่วยให้โลกทางกายภาพนั้นน่าอยู่ขึ้นด้วย”
สำหรับไตรมาสแรกนี้ เทรนด์ไมโครได้ประกาศยอดขายรวมสุทธิอยู่ที่ 42,126 ล้านเยน (หรือ 386 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อคำนวณที่อัตราแลกเปลี่ยน 108.86 เยนต่อเหรียญสหรัฐฯ) และรายรับจากการดำเนินงานอยู่ที่ 10,119 ล้านเยน (หรือ 92 ล้านดอลลาร์ฯ) และรายรับสุทธิที่ปันผลให้แก่บริษัทแม่อยู่ที่ 8,861 ล้านเยน (หรือ 81 ล้านดอลลาร์ฯ) ในไตรมาสนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะไม่มีการทบทวนตัวเลขประมาณการณ์ของผลประกอบการทั้งปีงบประมาณนี้ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 (ซึ่งมีการประกาศก่อนหน้าแล้วเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา) โดยเมื่อพิจารณาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ของบริษัท ได้คาดการณ์ตัวเลขยอดจำหน่ายสุทธิเมื่อสิ้นสุดปีนี้ในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 ไว้ประมาณ 174,200 ล้านเยน (หรือประมาณ 1,598 ล้านดอลลาร์ฯ เมื่อคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 109 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) ส่วนรายได้จากการดำเนินงานและรายรับสุทธินั้นคาดการณ์ไว้ประมาณ 37,700 ล้านเยน (หรือ 345 ล้านดอลลาร์ฯ) และ 27,300 ล้านเยน (หรือ 250 ล้านดอลลาร์ฯ) ตามลำดับ