หน้าแรก Cloud 6 โซลูชั่นด้านเวอร์ชวล (ฟรี) ประจำปี 2024 ที่เป็นทางเลือกสำคัญในการใช้แทน VMware ESXi

6 โซลูชั่นด้านเวอร์ชวล (ฟรี) ประจำปี 2024 ที่เป็นทางเลือกสำคัญในการใช้แทน VMware ESXi

แบ่งปัน

เนื่องจาก VMware ได้ประกาศยุติตัว vSphere Hypervisor ฟรี และเปลี่ยนแปลงวิธีการอนุญาตให้ใช้ซอฟต์แวร์แบบเสียเงินที่เป็นใบอนุญาตแบบถาวร (Perpetual License) ซึ่งจะไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป และจะถูกแทนที่ด้วยระบบแบบสมาชิกนั้น (Subscription Model)  อาจส่งผลต่อการเพิ่มต้นทุนอย่างมากสำหรับผู้ดูแลเครือข่าย ผู้ดูแลระบบ และพนักงานอื่นๆ รวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมไอที

ดังนั้นการหาโซลูชันที่คุ้มค่าทางด้านต้นทุนเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน บริษัททั้งหลายต่างมองหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการจัดการสภาพแวดล้อมเวอร์ช่วลของตนเอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป ด้วยการเลือกใช้ทางเลือกที่มีลักษณะฟรี ทั้งนี้ก็เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านลิขสิทธิ และยังคงสร้างสรรค์ระบบเวอร์ช่วลที่มีประสิทธิภาพสูงไปได้พร้อมๆ กัน

และนี่คือ 6 โซลูชั่นที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างระบบเวอร์ช่วลที่อาจจะมาทดแทนการใช้งาน VMware ได้

1. Proxmox VE เป็นแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สแบบเต็มรูปแบบ นำเสนอทั้งระบบเวอร์ช่วลและคอนเทนเนอร์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านลิขสิทธิ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ ได้อย่างมาก

คุณสมบัติและความสามารถ

– การย้ายข้อมูล (Live Migration): เคลื่อนย้ายเครื่องวีเอ็มระหว่างโฮสต์โดยไม่หยุดการทำงาน

– ความพร้อมใช้งานสูง (High Availability): ระบบสำรองข้อมูล ช่วยให้มั่นใจว่าบริการยังคงทำงานได้แม้ฮาร์ดแวร์ล้มเหลว

– การสำรองและกู้คืน (Backup and Restore): สำรองข้อมูลเครื่องวีเอ็มของคุณเพื่อการกู้คืนอย่างรวดเร็ว

– อินเทอร์เฟซการจัดการเว็บ (Web-based Management Interface): จัดการสภาพแวดล้อมเวอร์ช่วลของคุณได้อย่างง่ายดายผ่านเว็บบราวเซอร์

– รองรับทั้ง KVM และ LXC: รองรับเทคโนโลยีเวอร์ช่วล KVM และ คอนเทนเนอร์ LXC

2. Red Hat Virtualization (RHV) เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับองค์กร เนื่องจากใช้เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์ส ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์เมื่อเทียบกับโซลูชันแบบมีลิขสิทธิ ที่ออกแบบมาสำหรับสภาพแวดล้อมองค์กร

คุณสมบัติและความสามารถ

– การย้ายข้อมูล (Live Migration):  เคลื่อนย้ายเครื่องวีเอ็มระหว่างโฮสต์โดยไม่ต้องหยุดการทำงาน

– การจัดการพื้นที่จัดเก็บ (Storage Management): จัดการพื้นที่จัดเก็บสำหรับเครื่องวีเอ็มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– ตัวจัดกำหนดการระบบ (System Scheduler): บริหารการทำงานของเครื่องวีเอ็มอย่างชาญฉลาด

– ออกแบบสำหรับความยืดหยุ่นและความปลอดภัย: รองรับการใช้งานขนาดใหญ่ พร้อมทั้งมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง

3. KVM (Kernel-based Virtual Machine) คือเทคโนโลยีการจัดการด้านระบบเวอร์ช่วลที่เป็นแบบโอเพ่นซอร์ส มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Linux โดยตรง ช่วยให้คุณรันเครื่องวีเอ็มหลายเครื่อง ซึ่งสามารถใช้ระบบปฏิบัติการ Linux หรือ Windows แบบดั้งเดิมได้

คุณสมบัติและความสามารถ

– ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น: KVM เน้นประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องวีเอ็ม และรองรับการใช้งานขนาดใหญ่

– การย้ายข้อมูล (Live Migration): เคลื่อนย้ายเครื่องวีเอ็มระหว่างโฮสต์โดยไม่หยุดการทำงาน

– การสร้างสแนปช็อต (Snapshots): บันทึกสถานะของเครื่องวีเอ็มไว้ ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อกู้คืนข้อมูลได้ง่าย

4. Xen Project เป็นไฮเปอร์ไวเซอร์โอเพ่นซอร์ส ที่มอบโซลูชันในการสร้างระบบเวอร์ช่วลที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า

คุณสมบัติและความสามารถ

– รองรับ Paravirtualization สำหรับ Linux และ Windows: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องวีเอ็มบนระบบปฏิบัติการเหล่านี้

– การย้ายข้อมูล (Live Migration):  เคลื่อนย้ายเครื่องวีเอ็มระหว่างโฮสต์โดยไม่หยุดการทำงาน

– รองรับการรันเครื่องวีเอ็มจำนวนมาก: เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการรันระบบเวอร์ช่วลหลายเครื่องพร้อมกัน

5. Oracle VM VirtualBox เป็นไฮเปอร์ไวเซอร์แบบโอเพ่นซอร์ส เหมาะสำหรับการใช้งานระบบเวอร์ช่วลบนระบบเดสก์ท็อปและเซิร์ฟเวอร์บนสถาปัตยกรรม x86

คุณสมบัติและความสามารถ

– การสร้างสแนปช็อต (Snapshots): บันทึกสถานะของเครื่องวีเอ็มไว้ ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง เพื่อกู้คืนข้อมูลได้ง่าย

โหมดไร้รอยต่อ (Seamless Mode): ทำให้การใช้งานโปรแกรมภายในเครื่องวีเอ็มกลมกลืนไปกับหน้าจอของเครื่องโฮสต์และทำงานได้อย่างราบรื่น

– ฟังก์ชันโคลน (Clone Functionality): สร้างสำเนาของเครื่องวีเอ็มได้อย่างรวดเร็ว

– รองรับระบบปฏิบัติการหลากหลาย: สามารถรันระบบปฏิบัติการเกสต์ได้หลากหลาย เช่น Windows, Linux, Solaris และ macOS

6. oVirt เป็นแพลตฟอร์มเวอร์ช่วลโอเพ่นซอร์สฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่ใช้ประโยชน์จากไฮเปอร์ไวเซอร์ KVM

คุณสมบัติและความสามารถ

– อินเทอร์เฟซการจัดการเว็บ (Web-based Management Interface): จัดการสภาพแวดล้อมเวอร์ช่วลของคุณได้อย่างง่ายดาย ผ่านเว็บเบราว์เซอร์

– ระบบเครือข่ายขั้นสูง (Advanced Networking): รองรับการกำหนดค่าเครือข่ายที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– ความพร้อมใช้งานสูง (High Availability): ช่วยให้มั่นใจว่าบริการยังคงทำงานแม้ฮาร์ดแวร์ล้มเหลว

ที่มา : BlackRack