ปี 2023 กลายเป็นปีแห่ง AI อย่างแท้จริง องค์กรต่าง ๆ มีความคาดหวังค่อนข้างสูงกับ กับการมาถึงของ “เครือข่าย AI” ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายต่างพากันนำเสนอโซลูชัน AIOps (AI-based operations) ที่ช่วยลดภาระทีมงาน บริหารจัดการและแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพเครือข่ายโดยอัตโนมัติ
นอกจากนั้นแล้วบริการเครือข่ายยุคใหม่ เช่น SD-WAN, 5G และ SASE ก็อาศัย AI ในการจัดสรรทรัพยากรและรักษาความปลอดภัยบางส่วนเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น การมาถึงของ ChatGPT ที่มี Microsoft หนุนหลัง ยิ่งทำให้ AI กลายเป็นหัวข้อสำคัญระดับผู้นำองค์กร ส่งผลให้วงการ AI เดือดลุกเป็นไฟ
10 บริษัทยักษ์ใหญ่ ที่จะนำเสนอต่อไปนี้ล้วนมีจุดแข็งในด้าน โครงสร้างพื้นฐานและบริการ LAN & WAN, ระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และกำลังวางตำแหน่งตัวเองเพื่อคว้าโอกาสจากยุคทองของ AI โดยเป็นใครบ้างลองไปอ่านบทวิเคราะห์กัน
Cisco
แม้จะเป็นผู้นำตลาดเครือข่ายมาอย่างยาวนาน Cisco ภายใต้ซีอีโอ Chuck Robbins ยังไม่นิ่งนอนใจอะไรง่ายๆ บริษัทสร้างความฮือฮาให้วงการเมื่อประกาศเข้าซื้อ Splunk ผู้เชี่ยวชาญด้าน SIEM ในเดือนกันยายน Robbins ชี้แจงว่าการผสานความสามารถวิเคราะห์ข้อมูลล้ำสมัยของ Splunk จะเสริมพลังให้กลยุทธ์ AI ของ Cisco
รายได้จากสวิตช์อีเธอร์เน็ตพุ่งขึ้น 55.3% เทียบปีต่อปีใน Q2 2023 ส่งผลให้มีส่วนแบ่งตลาด 47.2% ล่าสุด Cisco รายงานว่า Backlog ลดลง แต่ในรายงาน Q1 2024 Robbins เผยว่าบริษัททำผลงาน Q1 ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งรายได้ (14.7 พันล้านดอลลาร์) และกำไร (4.5 พันล้านดอลลาร์) Robbins กล่าว
Broadcom
การควบรวม VMware มูลค่า 61 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเสร็จสิ้นในวันที่ 22 พฤศจิกายน ทำให้บรอดคอมก้าวขึ้นเป็นผู้นำในวงการเครือข่าย ก่อนหน้านั้นบริษัทได้รวบรวมผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าประทับใจมากมาย เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล เครือข่าย (Brocade) การจัดการเครือข่าย (CA) และความปลอดภัย (Symantec) เป้าหมายของการซื้อ VMware คือการมอบวิธีให้กับองค์กรในการขยายเวิร์กโหลดเสมือนจริงภายในองค์กร (on-prem) ไปยังสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
Arista
Arista คือผู้นำด้านสวิตช์สำหรับเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง สำหรับศูนย์ข้อมูลและคลาวด์ และ Gartner ยกให้เป็นผู้นำวิสัยทัศน์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งแบบสายและไร้สาย ด้วยสวิตช์แบบ leaf-and-spine ระบบการเชื่อมไร้สายและแพลตฟอร์มจัดการ CloudVision ที่จัดการระบบอัตโนมัติ ความปลอดภัย และ AI/ML ได้ครบถ้วน ที่ผ่านมา Arista มีรายได้จากสวิตช์อีเธอร์เน็ตพุ่ง 42.6% ต่อปี ส่งผลให้ครองส่วนแบ่งตลาด 10.4% ตามข้อมูลของ IDC รายได้ไตรมาส 3 แตะ 1.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่ม 28% จากปี 2022
Palo Alto Networks
Palo Alto Networks เป็นผู้เล่นหลักในตลาดไฟร์วอลล์มานานหลายทศวรรษ บริษัทได้สร้างแพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งระบบภายในองค์กร (on-prem) และระบบบนคลาวด์ นอกจากนี้ Palo Alto ยังเป็นผู้นำในเทคโนโลยี SD-WAN, SSE และ SASE ตามการจัดอันดับของ Gartner โดยปัจจุบัน บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2024 (Q1 FY24) รายได้เติบโต 20% เทียบปีต่อปี สู่ระดับ 1.9 พันล้านดอลลาร์
HPE
HPE เน้นย้ำการใช้ AI ในทุกโซลูชัน ไม่ว่าจะเป็นการฝังฟังก์ชัน AIOps เข้าไปในแพลตฟอร์มจัดการเครือข่าย Aruba Central หรือการเพิ่มโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ให้กับ GreenLake บริการแบบ consumption-based สำหรับ edge, on-prem และ hybrid cloud computing โดย HPE (Aruba) เป็นผู้นำในทั้ง SD-WAN และโครงสร้างพื้นฐานแบบมีสายและไร้สาย ตามการจัดอันดับของ Gartner ด้วยสวิตช์ CX และระบบไร้สาย Wi-Fi 6/6e ที่ล้ำสมัย
Fortinet
Fortinet เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของตัวเอง ภายใต้แบรนด์ “Forti” ที่เชื่อมโยงความปลอดภัยเข้ากับเครือข่ายอย่างราบรื่น Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้นำวิสัยทัศน์ด้าน LAN ทั้งแบบสายและไร้สาย ด้วยผลิตภัณฑ์ FortiAP และ FortiSwitch ที่ทำงานร่วมกับเครื่องมือ FortiGate, FortiCloud และ FortiLAN เรียกได้ว่าพวกเขา โดดเด่นด้วยการสร้างโซลูชันครบวงจรที่เชื่อมประสานเครือข่ายและความปลอดภัยเข้าด้วยกัน บริษัทเน้นพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองและไม่หยุดที่จะนำ AI มาเสริมประสิทธิภาพ ให้ทีมรักษาความปลอดภัยทำงานได้ง่ายขึ้น ตอบสนองภัยคุกคามได้เร็วขึ้น
Juniper
Juniper เดินหน้าเรื่อง AI ก่อนใคร พวกเขาซื้อ Mist Systems ในปี 2019 และนำความสามารถด้าน AI มาผสานกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเราเตอร์ สวิตช์ แอ็คเซสพอยต์ ไฟร์วอลล์ ซอฟต์แวร์เครือข่าย และระบบจัดการบนคลาวด์ Gartner ยกย่องระบบอัตโนมัติขับเคลื่อนด้วย AI ของ Juniper รายได้จาก AI เพิ่มขึ้น 17% ต่อปี นำโดย Mist AI ที่เติบโตกว่า 60% ต่อปี อย่างไรก็ตาม Juniper ยังเผชิญกับความท้าทาย รายได้จากผู้ให้บริการและคลาวด์ยังไม่ค่อยเท่าไหร่ และตามข้อมูลของ IDC รายได้จากเราเตอร์ของ Juniper เพิ่มขึ้นเพียง 2.5% ต่อปี ส่งผลให้มีส่วนแบ่งตลาด 10.3% แม้ว่ารายได้จากสวิตช์อีเธอร์เน็ตจะเติบโต 35.2% ต่อปี แต่ส่วนแบ่งตลาดของ Juniper ยังคงอยู่ต่ำกว่า 3%
Extreme Networks
พวกเขาโดดเด่นด้วยแนวคิด One Network ที่ผสานเครือข่ายแบบสายและไร้สาย เข้ากับซอฟต์แวร์จัดการสำหรับทั้งระบบภายในองค์กร (on-prem) และคลาวด์ โดย Gartner ชื่นชมความสามารถในการจัดการระบบเครือข่ายแบบอัตโนมัติ, การสร้างระบบเครือข่ายแบบดิจิทัลทวิน (digital twin) และการผสานกับอุปกรณ์หลายยี่ห้อ ผ่านแพลตฟอร์ม Extreme Cloud นอกจากนี้ Extreme ยังเป็นผู้นำด้าน AIOps ซึ่งใช้พลังของ AI มาช่วยปรับแต่งการทำงานของระบบ IT ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดรายได้ประจำปี 2023 ของ Extreme เพิ่มขึ้น 18% แตะ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ไตรมาสแรกของปี 2024 รายได้ก็ยังคงพุ่งขึ้น 19% อยู่ที่ 353 ล้านดอลลาร์
Dell Technologies
ด้วยผลิตภัณฑ์ชั้นยอดอย่างคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ระบบจัดเก็บข้อมูล และเครือข่าย ทำให้ Dell Technologies อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะมอบโซลูชัน AI แบบ “Full-Stack” สำหรับ on-prem ให้กับองค์กรต่าง ๆ โดยล่าสุด Dell ร่วมมือกับ Nvidia เปิดตัว Project Helix เพื่อช่วยองค์กรสร้างและจัดการโมเดล Generative AI ในระบบ on-prem โปรเจคท์นี้ผสมผสานเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่าง GPU ของ Nvidia, LLM, ซอฟต์แวร์, เครือข่าย เข้ากับเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge และระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ object storage เพื่อมอบประสบการณ์ AI ที่ราบรื่น
Nvidia
Nvidia มองเห็นศักยภาพของ AI และลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง บริษัทได้ดำเนินการสร้าง แพลตฟอร์ม AI ครบครัน” ตั้งแต่ชิป GPU สุดแรง, ภาษาแบบโมเดลขนาดใหญ่ (LLM), ซอฟต์แวร์ CUDA ไปจนถึงเทคโนโลยีเครือข่ายและสวิตช์ที่ได้มาจากการซื้อ Mellanox
และต้องบอกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์ ต่างพากันเลือกใช้ชิป GPU ของ Nvidia ในศูนย์ข้อมูลของตัวเอง และล่าสุดเอง Nvidia จับมือกับ Dell Technologies เพื่อเสนอแพลตฟอร์ม AI แบบ “on-prem” ให้กับองค์กรทั่วไป นอกจาานั้นแล้ว เปิดตัวบริการ DGX Cloud ร่วมกับผู้ให้บริการคลาวด์ชั้นนำอย่าง Oracle, Microsoft Azure และ Google Cloud บริการนี้มอบแพคเกจฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้องค์กรสร้างโมเดล Generative AI โดยใช้เทคโนโลยีของ Nvidia ภายในสภาพแวดล้อมคลาวด์ของผู้ให้บริการ
ที่มา : NW