ถนนที่ใช้สัญจรนั้นมีแนวโน้มเสื่อมสภาพลงทุกวันจากการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และประเภทของยานพาหนะที่ใช้ถนนดังกล่าว ซึ่งพื้นผิวถนนที่ไม่สมบูรณ์นั้นไม่เพียงทำให้การขับขี่ไม่สบายเท่าที่ควร แต่ยังกระทบกับความเสียหายที่ส่งผลถึงเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย ดังนั้นจำเป็นต้องมีการซ่อมแซมเป็นประจำในเวลาที่เหมาะสม
ปัจจุบันการตรวจสภาพถนนส่วนใหญ่ยังจำเป็นต้องใช้รถตรวจที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และมักไม่สามารถเข้าถึงถนนที่อยู่ในเขตที่พักอาศัยดังนั้น RICOH จึงได้พัฒนาระบบกล้องที่สามารถวัดสภาพของถนนที่ติดตั้งบนรถยนต์ทั่วไปแทนรถตรวจแบบพิเศษข้างต้นได้
ระบบใหม่นี้เปิดโอกาสให้ตรวจวัดสภาพถนนในเขตที่อยู่อาศัยได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งทำงานได้แบบอัตโนมัติตั้งแต่ขั้นตอนการบันทึกภาพไปจนถึงการออกรายงานตรวจวัดสภาพถนน จึงช่วยอำนวยความสะดวกในการตรวจวัดสภาพ อันนำไปสู่การบำรุงรักษาถนนที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ในส่วนของการบันทึกภาพนั้นจะใช้กล้องแบบสเตอริโอหลายตัว เพื่อวัดค่าสภาพถนน 3 ด้านด้วยกันได้แก่ อัตราการแตกหรือเกิดรอยแยกระยะการทรุดของถนนและความเรียบของถนน กล้องสเตอริโอนี้ตรวจวัดระยะของวัตถุโดยใช้ความแตกต่างของมุมมองที่ได้จากกล้องสองตัว หรือแพรัลแลกซ์ (Parallax) ระหว่างกล้องทางซ้ายและขวา
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยเพื่อนำระบบ AI มาทำให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะการจดจำและวิเคราะห์ภาพ เริ่มด้วยการเรียนรู้จากข้อมูลที่รับเข้ามา และนำไปใช้ทำนายผลที่จะเกิดขึ้นจากการศึกษาข้อมูลการจับคู่ภาพกับผลลัพธ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง การทำนายนี้นำไปสู่การตัดสินใจของระบบเองที่ช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างมาก
จากข้อมูลทั้งสามด้านที่วัดได้นั้น ระบบจะนำมาคำนวณค่า Maintenance Control Index (MCI) ที่จะเป็นดัชนีที่ใช้ตัดสินว่าควรเข้าบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมถนนดังกล่าวหรือไม่ โดยแสดงค่าออกมาให้เห็นภาพบนแผนที่อย่างชัดเจนและสะดวกต่อการนำไปใช้งาน
เทคโนโลยีใหม่ของ RICOH นี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ลอดหรือสะพานได้อีกด้วย
ที่มา : Ricoh