กลุ่มสามารถแจ้งผลการดำเนินงานปี 60 รายได้รวม 13,130 ล้านบาท ขาดทุน 948 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ หลังจากยุติการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือไอ-โมบาย
อย่างไรก็ตามสายธุรกิจอื่นๆ ยังคงสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายธุรกิจไอทีและโทรคมนาคม ที่สามารถสร้างมูลค่างานในมือในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นกว่า 8,000 ล้านบาท และตั้งเป้าเซ็นสัญญาใหม่ปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท ด้านธุรกิจกล้องวงจรปิด ก็สร้างรายได้งามฟันกำไรเพิ่ม 500 เปอร์เซนต์
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ด้วยเป้าหมายในการสร้างรายได้ประจำจากการต่อยอดและการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงนโยบายในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้สอดคล้องกับยุคสมัยและสามารถแข่งขันได้ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินธุรกิจด้านโมบาย-มัลติมีเดียอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีการเปลี่ยนชื่อ บริษัทสามารถไอ-โมบาย เป็น บริษัท สามารถดิจิตอล เพื่อรองรับการขยายธุรกิจด้าน Digital Content & Solutions อย่างเต็มรูปแบบ
โดยมีความคืบหน้าของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจ Digital Trunk Radio System หรือในชื่อทางการตลาดว่า DigiTrunk ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการวางระบบเครือข่ายและติดตั้งอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ โดยมั่นใจว่าภายในสิ้นปีจะมีผู้ใช้บริการไม่ต่ำกว่า 50,000 ราย และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 200,000 รายใน 2-3 ปี , ธุรกิจ Digital Tourism Solutions อยู่ระหว่างการนำเสนอและสรุปขอบข่ายบริการกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องโดยจะมีการเปิดตัวโครงการความร่วมมือในเร็วๆนี้ตามมาด้วย ธุรกิจ Co-Tower ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในช่วงครึ่งปีหลัง
นายวัฒน์ชัยกล่าวต่อว่า “ในส่วนของธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ บริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่าควรยุติ เนื่องจากมีแนวโน้มในการทำกำไรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจนไม่คุ้มค่าในการลงทุน ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นภาระผูกพันในอนาคต บริษัทจึงได้มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและเผื่อสินค้าล้าสมัยในมูลค่าที่เหมาะสม โดยบริษัทยังคงรับผิดชอบในการให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้าที่ใช้สินค้าของบริษัทอย่างเต็มที่”
นอกจากสายธุรกิจโมบายที่กำลังผันตัวเองเข้าสู่บริการดิจิตอลแล้ว บริษัทอื่นๆ ในกลุ่มสามารถถือว่ามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น สายธุรกิจ ICT นำโดย บมจ.สามารถเทลคอม หรือ SAMTEL ปีที่ผ่านมาสามารถคว้าโครงการใหม่ๆ มูลค่ารวม 6,355 ล้านบาท อาทิ โครงการ Core Banking ของ ธอส. มูลค่า 1,898 ล้านบาท, โครงการติดตั้งระบบเครือข่ายโทรคมนาคมทหารและอุปกรณ์ประกอบให้กับกองบัญชาการกองทัพไทย มูลค่า 941 ล้านบาท, การจำหน่ายเครื่องรับบัตรอัตโนมัติ (EDC) ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ มูลค่ารวม 221 ล้านบาท, การจัดหาอุปกรณ์โครงข่ายให้แก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย และงานติดตั้งระบบบริหารจัดการสนามบิน ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานมือมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้บรรลุเป้าหมาย 10,000 ล้านบาทในปี 2561
ด้านธุรกิจกล้องวงจรปิดภายใต้บริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม มีผลประกอบการปี 60 ทะลุเป้าทั้งรายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นกว่า 500 เปอร์เซนต์ โดยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น จึงตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาทด้านธุรกิจคอลล์เซ็นเตอร์ภายใต้ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า20เปอร์เซนต์จากปีก่อนด้วยโอกาสในการนำเสนอดิจิตอลโซลูชั่นใหม่ๆ แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ส่วนที่จะเป็นไฮไลท์ในปีนี้ได้แก่ สายธุรกิจ U-trans ที่มี บริษัท Cambodia Air Traffic Services เป็นหัวหอกสำคัญ จะมีการเคลื่อนไหวที่โดดเด่น โดยการนำบริษัท SAMART Transolutionsเข้าจดทะเบียนในตลท.ภายในปลายปีนี้ เพื่อระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจด้านการเดินทางและโครงสร้างพื้นฐานที่คุ้มค่า
“ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศกำลังเริ่มคลี่คลาย บวกกับปริมาณงานโครงการที่เราจะร่วมประมูลมีมูลค่ามหาศาลและมีโอกาสที่จะได้งานจำนวนมาก ผมจึงมีความมั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายวัฒน์ชัย กล่าวปิดท้าย