หน้าแรก Home Interview SAMART 4.0 กับธีม Transformation to success and Beyond ตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่ม 20,000 ล้านบาท

SAMART 4.0 กับธีม Transformation to success and Beyond ตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่ม 20,000 ล้านบาท

แบ่งปัน
samart corp
วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น

กลุ่มสามารถประกาศทิศทางธุรกิจปี 60 ตั้งเป้ารายได้ทั้งกลุ่ม 20,000 ล้านบาท หลังซุ่มปรับทัพเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิตอล 4.0

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เพื่อสะท้อนแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มสามารถ ที่พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภค กลุ่มสามารถจึงกำหนด Year Theme หรือจุดมุ่งเน้นในปีนี้ว่า “SAMART 4.0 Transformation to success and Beyond” โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากสายธุรกิจ ICT Solutions 9,000 ล้านบาท สายธุรกิจ Mobile-Multimedia 4,500 ล้านบาท สายธุรกิจ Related Business 2,300 ล้านบาท และสายธุรกิจ U-trans 4,200 ล้านบาท

samart corp.

กลุ่มธุรกิจแรกคือ ในส่วนของ บมจ. สามารถเทลคอม ผู้นำสาย ICT Solutions ตั้งเป้ารายได้ 9,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือแล้วมูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท โดยล่าสุดได้งานโครงการสัญญาเช่าระบบคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับธุรกิจหลัก กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลค่า 2,639 ล้านบาท และจากนโยบายส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลของภาครัฐ ประกอบกับโครงการขนาดใหญ่ที่มีการเลื่อนประมูลมาในปีนี้ จะเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจไอซีทีอย่างชัดเจนในปีนี้ ด้วยโอกาสในการเข้าร่วมประมูลโครงการมูลค่ารวมกันกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท บริษัทคาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่างานในมือ หรือ Backlog ได้มากถึง 10,000 ล้านบาทในปี 60 นอกจากแหล่งรายได้จากการประมูลโครงการแล้ว บริษัทยังตั้งเป้าในการขยายฐานรายได้ประจำจากงานบริการในรูปแบบ Outsource Services มากขึ้น

กลุ่มธุรกิจสองคือ บมจ. สามารถไอ-โมบาย ผู้นำสายธุรกิจ Mobile-Multimedia ตั้งเป้ารายได้ 4,500 ล้านบาท เป็นสายธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านทิศทางและโครงสร้างธุรกิจมากที่สุด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการก้าวสู่ยุคดิจิตอลภายในคอนเซป “SIM Digital Life” ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

1. กลุ่ม Mobile & Security ดำเนินธุรกิจจำหน่ายมือถือและgadget ที่ตอบโจทย์ดิจิตอลไลฟสไตล์ ด้วยคุณสมบัติเด่นทางด้านความปลอดภัย, การดูแลสุขภาพและอื่นๆ ล่าสุดหลังจากเกิดกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากการเปิดตัว blackphone2 ในประเทศไทย บริษัทก็ยิ่งมั่นใจในการขยายธุรกิจ Mobile Security Applications & Solutions โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกในการพัฒนาและนำเสนอสินค้าบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศลาว พม่า เวียดนาม และกัมพูชา

2. Operator & Infrastructure ประกอบด้วยธุรกิจ MVNO บนเครือข่าย CATในชื่อ Open MVNO ซึ่งเร็วๆนี้ จะมีการนำเสนอบริการเสริมที่เชื่อมโยงกับการรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างจุดเด่นที่แตกต่าง นอกจากนี้ ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะเปิดตัวธุรกิจใหม่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเครื่องมือสื่อสาร (Trunked Mobile)

3. Digital Commerce ครอบคลุมธุรกรรมออนไลน์ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูง โดยบริษัทจะเปิดตัวบริการขายฝากสินทรัพย์ออนไลน์ผ่านเวบไซต์ Zazzet อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมปีนี้

4. I-sport อีกหนึ่งบริษัทลูกที่โดดเด่นของกลุ่มสามารถไอ-โมบาย นอกจากจะมีรายได้ประจำที่สม่ำเสมอจากสัญญาการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก มูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อปีแล้ว ยังเตรียมการขยายธุรกิจด้าน Sport Commercial อย่างจริงจัง ครอบคลุม Sports Digital Content, Sports Event , Sports Tour , Sports Commerce , Sports Agent และ เกมส์

กลุ่มธุรกิจที่สามคือสายธุรกิจ U-trans ซึ่งประกอบด้วย CATS, Kampot Power Plant และ Teda ตั้งเป้ารายได้รวม 4,200 ล้านบาท โดยนอกจากรายได้ประจำจาก CATS ประมาณ 1.8 พันล้านต่อปีแล้ว ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจสายส่งไฟฟ้า โดยล่าสุด Teda ได้เซ็นสัญญาจัดหาและก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ (กฟผ.) รวมมูลค่าโครงการประมาณ 1.2 พันล้านบาท ปัจจุบันมีงานในมือ 2 พันล้านบาท นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจด้านพลังงาน ก็ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อลงทุนอีกหลายโครงการ อาทิ ระบบควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศลาว , โครงการสายส่งไฟฟ้าที่ประเทศพม่า , โรงไฟฟ้าขยะ , โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2 พันเมกะวัตต์ ที่ประเทศกัมพูชา และมีแผนเข้าประมูลในโครงการอื่นๆมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท

และกลุ่มธุรกิจสุดท้ายที่สี่คือ สายธุรกิจ Related Business ตั้งเป้ารายได้รวม 2,300 ล้านบาท โดยบมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ บริษัทในเครือรายที่ 4 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,300 ล้านบาท ปัจจุบัน มีงานในมือแล้วกว่า 900 ล้านบาท จากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กลุ่มสายการบิน ธนาคาร โรงพยาบาล ธุรกิจประกันฯลฯ

“การปรับตัวให้ทันต่อกระแสความเปลี่ยนแปลง คือ กุญแจสำคัญของการอยู่รอดในโลกธุรกิจ กลุ่มสามารถจึงได้เตรียมความพร้อมและมีการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริหารธุรกิจ การพัฒนาคน และการพัฒนาเทคโนโลยี จนได้รับรางวัลมาตรฐานระดับโลกมากมาย บริษัทจึงมั่นใจว่า แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายเท่าไรก็ตาม บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความมั่นคงและเติบโตต่อไป” วัฒน์ชัย กล่าวทิ้งท้าย