RICOH ได้แถลงว่า รายงาน IDC MarketScape ฉบับใหม่ได้ยกย่องบริษัทให้เป็นผู้นำระดับโลกด้านความปลอดภัยงานพิมพ์และงานเอกสาร ซึ่งในรายงาน “IDC MarketScape: Worldwide Security Solutions and Services Hardcopy 2019 – 2020 Vendor Assessment” ได้ศึกษาถึงยุทธศาสตร์ของ RICOH และวิเคราะห์แนวทางที่บริษัทสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งเพื่อที่จะสร้างคุณค่าให้ลูกค้าไปพร้อม ๆ กับการปกป้อง จัดการ และเชื่อมต่อกับระบบที่เป็นแกนหลักของธุรกิจสมัยใหม่ ซึ่งเมื่ออ้างอิงจาก IDC MarketScape แล้ว กุญแจสำคัญที่สร้างความแตกต่างของ RICOH ได้แก่ การส่งมอบผลิตภัณฑ์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และแนวทางที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก
ขณะที่การปฏิวัติทางดิจิทัลยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกนั้น รายงาน IDC MarketScape ก็ได้พบว่า Portfolio ผลิตภัณฑ์ของ RICOH ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึง “ปัญหาหลัก” ของลูกค้าด้านความปลอดภัยของเอกสารและข้อมูลที่ผู้ซื้อต้องการอย่างมากสำหรับบริษัททุกขนาด สถานที่ปฏิบัติงานในปัจจุบันมีการเชื่อมต่อมากกว่าแต่ก่อน ทำให้การเก็บรักษาข้อมูลให้ปลอดภัยนั้นถือเป็นงานที่ยากลำบาก และสำคัญมากกว่าเดิม ซึ่ง RICOH ตระหนักดีถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ใช้โมเดลแบบหลายระดับชั้นสำหรับจัดการด้านความปลอดภัย เริ่มตั้งแต่การปกป้องที่มากับอุปกรณ์ แล้วจึงขยายการปกป้องครอบคลุมไปถึงเน็ตเวิร์ก ความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน และอื่น ๆ อีกมากมาย
“โดยรวมแล้ว ความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในธุรกิจ ความสามารถในการจัดการบริการอย่างเป็นระบบ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีของ RICOH นั้น ทำให้บริษัทยังคงตำแหน่งผู้นำในการบริการด้านความปลอดภัยสำหรับระบบงานพิมพ์และงานเอกสารอย่างต่อเนื่อง“ Robert Palmer รองประธานงานวิจัยกลุ่มโซลูชันถ่ายภาพ งานพิมพ์ และงานเอกสารของ IDC กล่าว “ทาง RICOH ได้ยกระดับตัวเองให้แตกต่างจากคู่แข่งด้วยโมเดลการส่งมอบผลิตภัณฑ์ทั่วโลกได้อย่างสม่ำเสมอ และแนวทางที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่สามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้ตรงจุด ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อทุกรูปแบบและขนาดธุรกิจ”
RICOH ได้ทำงานร่วมกับลูกค้าโดยตรงเพื่อร่วมกันปกป้องโครงสร้างพื้นฐานด้านงานพิมพ์และงานเอกสาร โดยยึดตามหลักการด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ชื่อ “CIA” ซึ่งหมายถึง การรักษาความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องของข้อมูล (Integrity) และการรักษาความพร้อมในการเข้าถึง (Availability) โดยในเรื่องของการรักษาความลับนั้นมาในรูปของวิธีการและโซลูชันที่หลากหลาย อย่างฟีเจอร์ “Pull Print” ที่ต้องมีการยืนยันตัวตนที่เครื่องพิมพ์จึงจะพิมพ์เอกสารออกมาได้ นอกจากนี้ทาง RICOH เองก็ทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาความถูกต้องของข้อมูลด้วยการป้องกันการใช้งานหรือแก้ไขเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น อีกทั้ง RICOH เองก็ได้ร่วมมือกับลูกค้าในการพัฒนาโซลูชันที่ปกป้องข้อมูลที่มีความอ่อนไหว โดยไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงของผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ RICOH สามารถยกระดับสถานที่ปฏิบัติงานแบบดิจิทัลให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ไม่ว่าพนักงานจะอยู่ที่ใดก็ตาม
รายงานฉบับนี้ยังระบุถึงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และบทบาทการควบรวมกิจการของ RICOH เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตนเองในด้านความปลอดภัย โดยนักวิเคราะห์ได้อ้างถึงการซื้อกิจการครั้งล่าสุดก็คือ บริษัท DocuWare เพื่อเป้าหมายในการ “ยกระดับ Portfolio ของ RICOH เอง” และขยายความครอบคลุมของ RICOH ไปถึงกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางด้วย
“เรามีการพูดคุยกับลูกค้าเป็นประจำ ประเมินสถานการณ์อันตรายที่กำลังเกิดขึ้น และพัฒนาการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลอัจฉริยะที่มีอยู่ในการพัฒนาและปรับแต่งโซลูชันเพื่อเก็บรักษาข้อมูลให้ปลอดภัยในโลกดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้” Yasuyuki Nomizu รองประธานฝ่ายองค์กร และประธานฝ่ายรักษาความปลอดภัยข้อมูลของบริษัท RICOH กล่าว “ความปลอดภัยถือเป็นหนึ่งในหลายด้านที่สะท้อนถึงความสำเร็จจากแนวทางการทำงานที่ให้ความสำคัญกับเสียงตอบรับของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญสำหรับการทำงานทุกอย่างของบริษัท นับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการระบุหาโซลูชัน ฟีเจอร์ และฟังก์ชันการทำงานที่มีผลมากที่สุดต่อการรักษาข้อมูลของลูกค้าให้ปลอดภัย เราทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ของอันตรายต่างๆ และพิจารณาผลกระทบที่เกิดกับลูกค้าของเรา จนสามารถพัฒนามาตรการเชิงรุกที่ช่วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้อย่างยอดเยี่ยม”
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.ricoh.co.th