สมาพันธ์บรอดแบนด์ไร้สายหรือ WBA ได้ประกาศเมื่อพฤศจิกายน 2020 ว่า Wi-Fi 6 พร้อมสำหรับนำไปใช้งานทั่วโลกแล้ว หลังจากผ่านการทดสอบการวางระบบใช้งานจริงครบ 5 ครั้ง ซึ่งมาตรฐานนี้ให้อัตรารับส่งเร็วกว่ามาตรฐานก่อนหน้าเกือบสามเท่า
สมัย Wi-Fi 5 ทำได้ที่ 3.5 Gb/s ขณะที่ Wi-Fi 6 ทำได้มากถึง 9.6 Gb/s แถมยังให้ความเสถียรมากกว่า ดีเลย์ต่ำกว่า และให้ประสิทธิภาพด้านเครือข่ายที่ดีกว่า และในปีนี้คาดว่าจะมีชิปเซ็ต Wi-Fi 6 ออกมามากกว่า 1.5 พันล้านชิ้น ยิ่งตอนนี้ตามบ้านและธุรกิจหลายแห่งต่างก็เริ่มนำมาตรฐาน Wi-Fi 6 และ Wi-Fi 6E มาใช้กันด้วยแล้ว ดังนั้นก็ถึงเวลาที่เราควรมองอนาคตของตลาดด้านเครือข่ายไร้สายว่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นโผล่มาในร้านขายอุปกรณ์เทคโนโลยีไร้สายอีก
ส่วนมาตรฐานถัดไป Wi-Fi 7 ตอนนี้มีรหัสทางการแล้วเป็น IEEE 802.11be เป็นเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายแบบทรูพุตสูงมากเป็นพิเศษ ใช้ครบทุกย่านความถี่ทั้ง 2.4Ghz, 5Ghz, และ 6Ghz ตั้งเป้าลดดีเลย์ เพิ่มความเร็วบนทุกอุปกรณ์ และรองรับผู้ใช้ได้จำนวนมาก
คุณสมบัติของ Wi-Fi 7
Wi-Fi 7 จะทำความเร็วได้มากกว่าที่เคยมีมาบนอุปกรณ์จำนวนมากกว่าเดิมจากการใช้ถึงสามย่านความถี่ เมื่อเทียบกับแค่สองย่านใน Wi-Fi 6 รองรับอัตรารับส่งได้มากถึง 30Gb/s ซึ่งนับเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่จาก Wi-Fi 6E ปัจจุบันที่ทำได้สูงสุดที่ 9.6Gb/s
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่คาดว่าจะออกมาพร้อมกับ Wi-Fi 7 อีกได้แก่ การรองรับการส่งสัญญาณที่ความถี่ 320MHz ถือเป็นสองเท่ากับที่รองรับใน Wi-Fi 6 เพื่อเพิ่มความเร็วและทรูพุตบนหลายอุปกรณ์พร้อมกัน และลดคลื่นรบกวนระหว่างอุปกรณ์ได้ด้วย ซึ่งประเด็นหลังนี้สำคัญมากเวลาใช้หลายอุปกรณ์วางอยู่ใกล้ๆ กัน ที่ต่างก็เชื่อมต่อเข้าเครือข่ายเดียวกันอย่างที่เรานิยมทำกันอยู่ตอนนี้ ทั้งโทรศัพท์ แท๊บเล็ต โน้ตบุ๊ก เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคลดดีเลย์อย่าง Multi-Link Operation (MLO) ด้วย
เทคนิคนี้เปิดให้อุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อออนไลน์ได้พร้อมกันผ่านหลายย่านความถี่ โดย Wi-Fi 7 ได้เพิ่มจำนวนกระแสรับส่งข้อมูลแบบ Spatial จาก 8 เป็น 16 ทำให้เพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลตามทฤษฎีได้เป็นสองเท่า
การที่มีสตรีมดาต้าเพิ่มขึ้น ก็จะรองรับเทคโนโลยี Multiple-Input Multiple-Output (MIMO) แบบกระจายได้ดีขึ้น ช่วยให้ได้ประสบการณ์ใช้งาน 5G คุณภาพสูงภายในอาคารเป็นอย่างดี ทั้ง 16 สตรีมนี้สามารถส่งไปยังคนละแอคเซสพอยต์ได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้แอคเซสพอยต์สามารถคุยประสานงานระหวางกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกช่องสัญญาณ หรือปรับโหลดระหว่างแอคเซสพอยต์ด้วยกันเพื่อใช้ทรัพยากรทั้งตัวเครื่องและคลื่นวิทยุให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด อ้างอิงจากทาง Huawei
Wi-Fi 7 จะไม่เปลี่ยนความเร็วบรอดแบนด์ให้ด้วยตัวเอง จนกว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP ของคุณจะให้แพ็กเกจเน็ตที่ดีขึ้น นั่นหมายความว่าระบบโดยรวมภายนอกก็ยังไม่ได้รองรับความเร็วสูงสุดของมาตรฐานใหม่นี้ได้อย่างเต็มที่ในปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – ITPro
//////////////////