พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ (NASDAQ: PANW) ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เปิดเผยในรายงานฉบับใหม่ว่า ที่ผ่านมาเกิดการใช้ช่องโหว่ซอฟต์แวร์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งตรงตามพฤติกรรมฉวยโอกาสของวายร้ายที่คอยสอดส่องมองหาช่องโหว่และจุดอ่อนบนอินเทอร์เน็ตตามที่ตนเองต้องการ โดยรายงานการรับมืออุบัติการณ์จาก Unit 42 ประจำปี 2022 ได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกหลากหลายด้านที่รวบรวมจาก Unit 42 ผ่านการทำงานด้านการรับมืออุบัติการณ์ (IR – Incident Response) อย่างเข้มข้นของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ โดยอาศัยตัวอย่างบางส่วนจากกรณี IR ที่ Unit 42 รับทราบมากว่า 600 กรณี เพื่อช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายความปลอดภัยสารสนเทศและทีมรักษาความปลอดภัยได้เข้าใจถึงความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ และทราบว่าควรจัดสรรทรัพยากรไปยังจุดใดเพื่อลดปัญหาดังกล่าว
รายงานฉบับนี้หน่วยงาน Unit 42 พบว่าภาคการเงินและอสังหาริมทรัพย์ อยู่ในกลุ่มที่โดนเรียกค่าไถ่ข้อมูลคิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยสูงสุดที่เกือบ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 5.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ โดยรวมแล้วมัลแวร์เรียกค่าไถ่และภัยจากอีเมลหลอกลวงทางธุรกิจ (BEC – Business Email Compromise) ติดอันดับต้นๆ ตามประเภทอุบัติการณ์ที่พบบ่อยซึ่งทีมรับมืออุบัติการณ์ได้เข้าไปช่วยจัดการในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมัลแวร์เรียกค่าไถ่และภัยจากอีเมลหลอกลวงทางธุรกิจคิดเป็นราว 70% ของกรณีการรับมืออุบัติการณ์ทั้งหมด
เวนดี วิตมอร์ รองประธานอาวุโสและหัวหน้าทีม Unit 42 ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ กล่าวว่า “ตอนนี้อาชญากรรมทางไซเบอร์กลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้ง่ายเพราะมีต้นทุนต่ำและมักมีผลตอบแทนสูง โดยวายร้ายมือใหม่ที่ยังไม่ชำนาญสามารถแสวงหาเครื่องมือต่างๆ เข้ามาช่วยดำเนินการ อาทิ บริการแฮกระบบ ซึ่งปัจจุบันสามารถพบเห็นในตลาดมืดบนเว็บและได้รับความนิยามเพิ่มขึ้น” “ผู้โจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ก็ผันตัวโดยทำเป็นขบวนการมากขึ้น มีกระทั่งฝ่ายบริการลูกค้าและการสำรวจความพึงพอใจหลังจากที่ได้ช่วยอาชญากรไซเบอร์จัดการกับองค์กรที่ตกเป็นเหยื่อ”