หน้าแรก Vendors Aruba Networks Aruba เผย! การใช้บริการ NETWORK AS A SERVICE มีแนวโน้มเติบโตอีกถึง 38%

Aruba เผย! การใช้บริการ NETWORK AS A SERVICE มีแนวโน้มเติบโตอีกถึง 38%

แบ่งปัน
aruba
Justin Chiah, Senior Director and General Manager, South-east Asia and Taiwan

ธุรกิจจะต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อพนักงานเปลี่ยนไปสู่สภาพแวดล้อมการทำงานแบบผสมผสานที่เกิดขึ้นจากการมาของ COVID-19 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการจัดซื้อและใช้งานโซลูชันระบบเครือข่ายของฝ่าย IT โดยในการตอบรับต่อภัยโรคระบาดนี้ ผู้นำทางด้าน IT ก็ได้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีระบบเครือข่ายแบบ Cloud, ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและรับประกันคุณภาพเครือข่าย, ระบบประมวลผลที่ Edge และระบบเครือข่ายแบบ AI ให้สอดคล้องกับแผนการกู้คืนธุรกิจที่เริ่มมีความชัดเจน ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้เป็นผลมาจากการสำรวจผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT ทั่วโลก (IT decision-makers : ITDMs) กว่า 2,400 รายที่ได้รับการสนับสนุนโดยอรูบ้า (Aruba) บริษัทหนึ่งในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์

เมื่อผู้นำทางด้าน IT ได้ตอบสนองต่อความท้าทายหลายประการจากการทำให้พนักงานสามารถทำงานจากคนละสถานที่อย่างสิ้นเชิงและการเกิดขึ้นของสถานที่ทำงานแบบผสมผสาน ซึ่งผู้คนต้องการที่จะทำงานได้จากทั้งภายในบริษัท, ที่บ้าน และระหว่างเดินทางได้ ผู้นำทางด้าน IT เหล่านี้ก็ต้องมองหาวิธีการที่ปรับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายให้มีวิวัฒนาการต่อไปและเปลี่ยนจากการลงทุนในรูปแบบ CapEx ไปสู่โซลูชันที่สามารถใช้งานในรูปแบบ ‘as a service’ ได้แทน โดยอัตราส่วนเฉลี่ยของการใช้บริการทางด้าน IT ในรูปแบบ Subscription นั้นจะเติบโตขึ้นอีก 38% ภายในระยะเวลา 2 ปีนับถัดจากนี้ จากปัจจุบันนี้ที่ทั่วโลกมีสัดส่วน 34% จากการลงทุนด้าน IT ทั้งหมดไปเป็นสัดส่วน 46% ภายในปี 2022 (พ.ศ. 2565) และในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ก็จะมีการเติบโตจากสัดส่วน 35% ไปเป็น 48% โดยในเวลานั้น สัดส่วนขององค์กรที่มีการใช้งานโซลูชัน IT ในรูปแบบ ‘as a service’ เป็นส่วนใหญ่ของการลงทุน (เกิน 50%) นั้นก็จะมีสัดส่วนเพิ่มอีก 72% ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วนทั่วโลกหรือ APAC ก็ตาม

“จากการเกิดขึ้นของสถานที่ทำงานแบบผสมผสาน ผู้นำทางด้าน IT ในสิงคโปร์ได้ถูกร้องขอให้นำเสนอทั้งความยืดหยุ่น ความมั่นคงปลอดภัยและในค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ Edge อย่างสมดุล” คุณ Justin Chiah ผู้อำนวยการอาวุโส (Senior Director) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ไต้หวัน และฮ่องกง/มาเก๊า (SEATH) ของอรูบ้า (Aruba) บริษัทหนึ่งในเครือฮิวเล็ตต์แพ็คการ์ดเอ็นเตอร์ไพรส์กล่าว

“เป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าในการตอบรับต่อความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT นั้นจะต้องให้ความสนใจในการลดความเสี่ยงลงและความได้เปรียบด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในรูปแบบ Subscription เป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าในการตอบรับต่อความต้องการที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT นั้นจะต้องให้ความสนใจในการลดความเสี่ยงลงและความได้เปรียบด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในรูปแบบ Subscription ซึ่งถึงแม้ว่าองค์กรที่ถูกสำรวจในสิงคโปร์กว่า 85% (77% สำหรับการสำรวจจากทั่วโลก) จะทำการชะลอหรือเลื่อนโครงการออกไปจากการมาของ COVID-19 แต่ธุรกิจก็ยังคงมีความมั่นคงและเริ่มมองหาวิธีการที่จะยังคงทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ธุรกิจเหล่านี้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในระบบเครือข่ายแบบ Cloud (38%), ระบบวิเคราะห์ข้อมูลและรับประกันคุณภาพเครือข่าย (42%), ระบบประมวลผลที่ Edge (40%) และเทคโนโลยี AI สำหรับระบบเครือข่าย (28%)”

ผลกระทบจาก COVID-19 มีนัยยะสำคัญเป็นอย่างมาก

ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT (ITDMs) ระบุว่าผลกระทบจาก COVID-19 นี้ส่งผลเป็นอย่างมากกับทั้งพนักงานและการลงทุนระยะสั้นด้านระบบเครือข่าย:

  • 22% ระบุว่ามี ‘ผลกระทบอย่างมาก’ ต่อพนักงาน (ทั้งการพักงานหรือการปลดพนักงานจำนวนมาก) ในขณะที่ 52% ระบุว่ามี ‘ผลกระทบปานกลาง’ (มีการลดการทำงานบางส่วนชั่วคราว) และมี 19% ที่ระบุว่ามี ‘ผลกระทบน้อย’ (มีเพียงไม่กี่ตำแหน่งงานที่ได้รับผลกระทบ)
  • ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT (ITDMs) ในอินเดีย (57%) และในบราซิล (34%) เป็นกลุ่มใหญ่ที่ระบุว่าพนักงานได้รับผลกระทบอย่างมาก ในขณะที่ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทางด้าน IT ในฮ่องกง (12%) และในเม็กซิโก (10%) เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างมากเป็นส่วนน้อย แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละภูมิภาค
  • 78% ของตลาดในภูมิภาค APAC ระบุว่าการลงทุนในโครงการด้านระบบเครือข่ายถูกเลื่อนหรือดำเนินการช้าลงจากการมาของ COVID-19 และ 27% ระบุว่าโครงการในลักษณะนี้ถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง

การยกเลิกโครงการทั่วตลาด APAC เกิดขึ้นสูงสุดในอินเดีย (37%) และเกิดขึ้นน้อยที่สุดในออสเตรเลีย (17%) แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมากสำหรับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ในขณะ