หน้าแรก News & Event ทีม Montivory โชว์แกร่งพัฒนา Data to Commerce นำองค์กรธุรกิจไทยฝ่ามรสุม Disruption

ทีม Montivory โชว์แกร่งพัฒนา Data to Commerce นำองค์กรธุรกิจไทยฝ่ามรสุม Disruption

แบ่งปัน

Go Regional! ทีม Montivory โชว์แกร่งพัฒนา Data to Commerce นำองค์กรธุรกิจไทยฝ่ามรสุม Disruption ประกาศจับมือ Tech Enterprise ระดับโลก “Adobe-Emplifi-Commercetools” ขยายฐานรุก Digital Commerce ภูมิภาคอาเซียน ตั้งเป้า  3 ปี โกย 800 ล้านบาท เตือนโลกหลัง “โควิด” การแข่งขันเทคโนโลยีดุเดือดหนัก แบรนด์ต้องเตรียมพร้อมก่อนตกขบวน

 โลกหลังโควิด-19 จะเป็นโลกที่มีแนวโน้มการเกิด Digital Disruption ที่รุนแรงขึ้นในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจการค้าที่ต้องปรับตัวเข้าสู่ Digital Commerce เพื่อให้ทันต่อกระแสความเปลี่ยนแปลงของวิถีโลกที่ผู้คนหันไปใช้ชีวิตในโลกออนไลน์มากขึ้น

จากรายงานการวิจัยเศรษฐกิจดิจิทัลซึ่งจัดทำโดย Google, Temasek และ Bain & Company ชี้ว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia: SEA) กำลังก้าวเข้าสู่ ทศวรรษแห่งดิจิทัล” จากจำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตที่มีมากกว่า 440 ล้านคน โดยเป็นผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มดิจิทัลถึงกว่า 350 ล้านคน ทำให้คาดว่ามูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคนี้จะเติบโตได้ถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 41 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573 ขณะที่ประเทศไทยจะเติบโตได้ถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568

คุณสุปรีย์ ทองเพชร CEO ของ Montivory บริษัทที่ปรึกษาด้านปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่ความเป็นดิจิทัล หรือ Digital Transformation เปิดเผยว่า แนวโน้มดังกล่าวเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตั้งแต่นี้ไปธุรกิจแบบ B2B B2C และ E-Commerce กำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ D2C หรือ Direct-to-Consumer Commerce และกลายเป็นสมรภูมิการค้าที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย และเป็นปัจจัยผลักดันให้องค์กรไม่ว่าในระดับ SMEs หรือบริษัทขนาดใหญ่ ต้องเร่งนำธุรกิจไปสู่ความเป็นดิจิทัลที่สมบูรณ์ ทำให้ในอนาคตจะยังคงมีแนวโน้มเกิดการแข่งขันทางเทคโนโลยีขององค์กรต่าง ๆ ค่อนข้างสูง

“สถานการณ์ดังกล่าวเรามองว่าค่อนข้างเป็นบวกต่อการทำงานของเรา ดังนั้นจึงได้เตรียมความพร้อมของทีมงาน เพื่อขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ทั้งในรูปแบบการเป็นผู้ให้คำปรึกษาและบริการทางเทคโนโลยีกับองค์ธุรกิจในท้องถิ่น และการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทยขยายการลงทุน D2C Commerce ไปยังประเทศเหล่านั้น โดยเบื้องต้นได้เข้าไปแล้วใน 6 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงค์โปร์ เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 800 ล้านบาท ภายใน 3 ปี”

คุณสุปรีย์ กล่าวต่อว่า จุดแข็งสำคัญที่ทำให้ Montivory สามารถขยายธุรกิจต่อได้ไปได้ในระดับภูมิภาค คือ การมี Tech Enterprise ชั้นนำระดับโลก เช่น Adobe, Commercetools, Emplifi, Digimind และ Braze มาร่วมเป็นพันธมิตรในการทำงาน ทำให้มีเราความพร้อมทั้งทางเทคโนโลยีและบุคคลกร รวมทั้งมีทางเลือกในการจัดหาเครื่องมือที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละองค์กร นอกจากนี้เทคโนโลยีที่ Montivory มีอยู่ในมือ ยังครอบคลุมการทำงานทั้ง Ecosystem ของ D2C Commerce ไม่ว่าด้าน Data, Social Media หรือ E-Commerce จึงสามารถสนับสนุนการทำงานของในบริบทต่าง ๆ ของทุกองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเครื่องมือที่น่าสนใจ เช่น

Adobe Real-Time Customer Data Platform หรือ Adobe Real-Time CDP – เป็นเทคโนโลยีการจัดการข้อมูลขั้นสูงที่ Adobe เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมา และได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องมือบริหารจัดการข้อมูลที่ดีที่สุดในโลก เนื่องจากมีความสามารถในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่มาจากช่องทางต่างๆ ของแบรนด์ เช่น เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น ระบบ Customer Service ได้แบบ 360 องศาทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แล้วนำมาจัดทำเป็น Profile แบบเรียลไทม์เพื่อให้แบรนด์นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การมอบคูปองส่วนลด หรือส่ง SMS สื่อสารการตลาดแบบเฉพาะตัว ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าได้เป็นรายบุคคล

Emplifi – คือ เครื่องมือที่มากกว่า Social Listening หรือเครื่องมือการจัดการ Content ทั่วไป เพราะ Emplifi คือ Social Marketing and Commerce Cloud ที่ผนวกความสามารถด้าน Social Listening, การจัดการ Content, Customer Care, การตลาด และการขาย เข้าไว้ด้วยกัน Emplifi จึงทำงานได้อย่างหลากหลายตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกใน Social Media, การติดตามดูแลและสื่อสารกับลูกค้า, Community Management, Social Commerce และมีฟีเจอร์ ShopStream ที่สามารถสร้าง Live Video Shopping โดยตรงกับลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมามีหลายองค์กรที่นำไปใช้จนประสบความสำเร็จ เช่น สายการบิน Delta, Domino’s Pizza และ Mercedes-Benz

Commercetools – เป็นเครื่องมือจัดการ E-Commerce ที่มีระบบการให้บริการต่าง ๆ แบบ API-First Approach เช่น การจัดกลุ่มลูกค้า, ป้ายราคา, ตะกร้าสินค้า, ระบบ Online Payment, ระบบ Multi Currency และ Muti Language ไว้อย่างครบวงจร โดย CommerceTools เป็นเทคโนโลยี Digital Experience Platform (DXP) ที่ใช้สถาปัตยกรรม Headless-Commerce ในการออกแบบ ทำให้สามารถเชื่อมต่อหรือทำงานร่วมกับระบบอื่น ๆ ได้แบบเรียลไทม์โดยผ่าน API ขณะที่บริการต่าง ๆ อยู่ในรูปของ Micro Service ที่มีความเป็นอิสระจากกันและทำงานอยู่บนระบบคลาวน์ จึงทำให้สามารถรับประกันเรื่องปัญหาระบบล่มได้ถึง 99.99%

คุณสุปรีย์ กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากเทคโนโลยี สิ่งที่ถือเป็น Core Value ของ Montivory อีกประเด็นคือการมีทีมงานที่เชี่ยวชาญ ครอบคลุมตั้งแต่ทีมที่ปรึกษาธุรกิจ, นักพฤติกรรมศาสตร์, นักพัฒนาไอที, ผู้จัดการโครงการ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล, ทีมครีเอทีฟและคอนเทนต์ ซึ่งทุกคนต่างได้รับ Certification หรือการรับรองจากเจ้าของแพลตฟอร์มที่แต่ละคนรับผิดชอบ โดยเฉพาะ Adobe ซึ่ง Montivory เป็นบริษัทพาร์ตเนอร์ที่ได้การรับรองถึง 59 Certification นับว่ามีจำนวนบุคลากรที่ได้รับการรับรองที่สามารถรับมือได้ในทุก ๆ ความต้องการด้านการปฏิบัติการเทคโนโลยีการตลาดในภูมิภาค

“จากทำงานหนักมาตลอด 4 ปี โดยดูแลลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย ทั้งกลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ธุรกิจการดูแลสุขภาพ, พลังงาน, ยานยนต์, ธุรกิจประกันภัย หรือแม้แต่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ทำให้เรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีพัฒนา Data to Commerce ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและให้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่น่าพอใจ วันนี้เรามีความมั่นใจมากในการก้าวไปสู่ธุรกิจระดับภูมิภาค และเชื่อว่าจะสามารถสร้าง Digital Service Innovation ที่น่าตื่นเต้นได้อีกมากมายในอนาคตที่จะถึงนี้” คุณสุปรีย์กล่าว