แคสเปอร์สกี้ บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก ได้ตรวจพบและบล็อกการโจมตีผู้ใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านมือถือจำนวน 382,578 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมี 336,680 ครั้ง
การสำรวจเรื่อง “How COVID-19 changed the way people work” ของแคสเปอร์สกี้เมื่อปีที่แล้วเปิดเผยว่า ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากกว่าสองในสามกำลังใช้อุปกรณ์ส่วนตัวเพื่อทำงานจากที่บ้าน นอกจากนี้พนักงานยังใช้อุปกรณ์ในการทำงานเพื่อทำกิจกรรมส่วนตัว เช่น ดูวิดีโอและเนื้อหาเพื่อการศึกษา อ่านข่าว และเล่นวิดีโอเกม
ที่น่าสนใจที่สุดคือพนักงาน 33% จาก 6,017 คนที่ตอบแบบสอบถามจากทั่วโลกยอมรับว่าใช้อุปกรณ์สำนักงานเพื่อดูเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นเนื้อหาประเภทหนึ่งที่มักตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์
นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “คอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการทำงาน แต่อุปกรณ์พกพาอย่างสมาร์ทโฟนก็ยังใช้เพื่อเข้าถึงอีเมลสำนักงานและระบบที่เกี่ยวข้องกับงานตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาด การใช้อุปกรณ์การทำงานสำหรับเรื่องส่วนตัวและเข้าถึงความบันเทิงที่อันตราย ถือเป็นวิธีปฏิบัติที่เสี่ยงต่อภัยออนไลน์ ด้วยแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นในสภาพแวดล้อมโฮมออฟฟิศเสมือนจริงนี้ บริษัทต่างๆ ควรทบทวนนโยบาย สิทธิ์การเข้าถึง และการตั้งค่าความปลอดภัยเพื่อบล็อกอาชญากรไซเบอร์ไม่ให้เข้าสู่เน็ตเวิร์กองค์กรผ่านอุปกรณ์ที่ติดมัลแวร์”
อินโดนีเซียมีสถิติการโจมตีผ่านมือถือสูงสุดในภูมิภาคช่วงเดือนมกราคม 2020 ถึงมิถุนายน 2021 ตามมาด้วยไทยและมาเลเซีย โดยอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกที่ตรวจพบมัลแวร์บนมือถือมากที่สุดในไตรมาสที่สองของปีนี้ รัสเซียและยูเครนอยู่ในอันดับที่หนึ่งและสองตามลำดับ อินเดียอยู่ในอันดับที่ 4 และตุรกีอยู่ในอันดับที่ 5
สำหรับตัวเลขเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่ถูกโจมตีโดยมัลแวร์มือถือ ผู้ใช้ 4.42% ในมาเลเซียตกเป็นเป้าหมายในช่วงครึ่งแรกของปี ตามด้วยประเทศไทย (4.26%) และอินโดนีเซีย (2.95%). สิงคโปร์มีตัวเลขที่ใกล้เคียงกัน โดยมีผู้ใช้มือถือ 2.83% ที่เกือบติดเชื้อจากภัยคุกคามประเภทนี้ ฟิลิปปินส์ (2.27%) และเวียดนาม (1.13%) มีตัวเลขต่ำสุด