ปัจจุบันนี้วิธีการทำงานยุคใหม่แทบไม่จำเป็นต้องนั่งติดออฟฟิศเสียตลอดเวลา เพราะด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่ล้ำหน้า ทำให้คุณสามารถที่จะทำงาน ณ ที่แห่งหนตำบลใดก็ได้ จะอยู่บนดอย, ชายหาด, หรือในป่า (ถ้าเน็ตไปถึง) ก็ทำงานได้ไม่แพ้กับอยู่ออฟฟิศ
ปกติแล้วผู้เขียนเอง มักจะต้องทำงานนอกสถานที่อยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพกพาเครื่องมือในการทำงานไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการใช้งานติดตัวไปทุกที่ โดยจะใช้มือถือของเรานี่แหล่ะเป็นตัวปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต (ทำตัวเป็น Hotspot) ซึ่งก็สะดวกดี แต่อย่างไรก็ตาม ในบางขณะหากมีสายโทรเข้ามา สัญญาณอินเทอร์เน็ตก็จะหายไปซะงั้น (เป็นกับโทรศัพท์บางรุ่น อย่างเช่น Moto) ซึ่งก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ชวนปวดหัว
วันนี้เราได้มีโอกาสทดสอบอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งทาง TP-Link ส่งมาให้รีวิวกัน นั่นก็คือผลิตภัณฑ์ 4G LTE Advanced Mobile Wi-Fi รุ่น M7200 (หรือ เข้าใจกันง่ายๆ ก็เรียกว่า Pocket Wi-Fi) โดยหน้าที่ของมันก็คือ รับสัญญาณจาก 4G แล้วมาปล่อยสัญญาณเป็นระบบ Wi-Fi ให้ผู้ใช้งานอื่นๆ ได้ใช้กันต่ออีกทอดหนึ่ง ซึ่งรองรับการใช้งานได้มากถึง 10 อุปกรณ์ได้พร้อมๆ กัน
คุณสมบัติเบื้องต้น
• รองรับ 4G LTE ซึ่งสามารถรองรับความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดที่ 150Mbps และอัพโหลดสูงสุดที่ 50Mbps
• รองรับการใช้งานอุปกรณ์ได้ถึง 10 เครื่อง พร้อมกัน
• สามารถเลือกเชื่อมต่อบนย่านความถี่ 5Ghz หรือย่าน 2.4Ghz ได้
• สามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดายจากจอแสดงผลบนอุปกรณ์
• แบตเตอรี่ขนาด 2000mAh สามารถใช้งานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง
• สามารถใส่ Micro SD card และอัพได้สูงสุดถึง 32GB
• รองรับการใช้งาน Unstructured Supplementary Services Data (USSD)
• รองรับมาตรฐาน 4G: FDD-LTE (2100/1800/2600/900/800MHz) TDD-LTE (2600/2300/2500MHz) 3G: DC-HSPA+/HSPA+/HSPA/UMTS (2100/900MHz)
รูปร่างหน้าตา
M7200 นั้น มีขนาดเล็กกระทัดรัดน้ำหนักเบา ตัวบอดี้เป็นสีดำ (ด้านและเงาผสมกัน) และมีปุ่มเดียวคือปุ่มเพาเวอร์ ซึ้่งเอาไว้แค่เปิดปิดเครื่องเท่านั้น ส่วนแผงหน้าปัดนั้นจะมีไฟสีเขียวๆ บอกสถานะของอุปกรณ์ประกอบด้วย
– แบตเตอรี
– การเชือมต่ออินเทอร์เน็ต
– และสัญญาณ Wi-Fi
การติดตั้ง
ต้องบอกว่า M7200 ให้คำจำกัดความคำว่า “ติดตั้งง่ายที่สุดในโลก” ก็ไม่ได้เกินไปนัก เพียงแค่คุณ “เปิดฝาหลัง-ใส่ซิม-เปิดเครื่อง” ก็ใช้งานได้ทันที
วิธีการใช้งาน
การใช้งานนั้นแสนจะง่ายดาย ซึ่งหากคุณเป็นยูสเซอร์ทั่วไป ก็แค่ให้เกาะสัญญาณ SSID โดยค่าดีฟอลต์ที่มากับเครื่องก็คือ TP-Link_79E4 ส่วนพาสส์เวิร์ดก็คือ 30196236 ก็ใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตได้แล้ว – อย่างไรก็ตามค่า SSID และค่าพาสส์เวิร์ดก็สามารถในแอพฯ tpMiFi หรือผ่านทางหน้าบราวเซอร์ก็ได้เช่นกัน
การคอนฟิก
สำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งหรือตั้งค่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบเครือข่าย ก็ทำได้ไม่ยากนัก ในกรณีใช้การคอนฟิกผ่านบราวเซอร์ (คุณจำเป็นต้องเกาะสัญญาณของ M7200 เสียก่อน) ให้คุณเข้าไปที่ url ที่ชื่อว่า http://tplinkmifi.net และทำการล็อกอินโดยใส่ค่าพาสส์เวิร์ดเป็น Admin และก็จะพบหน้า Status ซึ่งก็จะบอกข้อมูลเบื้องต้น
ส่วนในกรณีที่คุณอยากตั้งค่าอะไรเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นชื่อ SSID และพาสส์เวิร์ดอันใหม่, และอื่นๆ ก็สามารถเลือกไปที่แท็บ Advanced แล้วก็ปรับแต่งได้ตามความต้องการเลยครับ
การใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น tpMiFi
ต้องบอกว่า TP-Link นั้นเป็นแบรนด์ที่พัฒนาอุปกรณ์ให้ง่ายและตอบสนองต่อการใช้งานอย่างแท้จริง โดยอุปกรณต่างๆ ก็จะมีแอพฯ ที่สามารถใช้งานผ่านทางระบบโมบายล์มาพร้อม ซึ่งในกรณีของ M7200 ก็มาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า tpMiFi สามารถดาวน์โหลดได้จาก Play Store สำหรับ Android และ App Store สำหรับ iOS
บทสรุป
M7200 ให้ความง่ายต่อการทำงานอย่างแท้จริงๆ โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ต้องเดินทางไปทำงานนอกสถานที่เป็นประจำ ซึ่งปกติจะใช้ Hotspot จากอุปกรณ์มือถือ แต่ติดปัญหาเมื่อเวลามีสายโทรเข้ามาทำให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตหลุด อีกทั้งเมื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มากๆ ก็ทำให้มือถือแบตหมดเร็ว พร้อมทั้งปัญหาระบบไม่เสถียรภาพ แต่หลังจากเปลี่ยนมาเป็น M7200 ก็พบว่าช่วยให้การเชื่อมต่อสัญญาณเป็นไปได้อย่างดี รองรับกับอุปกรณ์ได้มากมาย และให้ความเร็วในเกณฑ์ที่ดี ผมได้ลองใช้โปรแกรมทดสอบซึ่งสามารถดูความเร็วที่ได้จากภาพ
ปัจจุบัน M7200 วางจำหน่ายในราคาประมาณ 2,390 บาท ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสำหรับกับการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง ท่านใดสนใจสามารถติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tp-linkco.th , Line :@tplink , Facebook: www.facebook.com/TPLinkTH
