ZDNet ได้รีวิวระบบปฏิบัติการสายพันธุ์ลีนุกซ์ Linux Mint ที่ออกเวอร์ชั่นล่าสุด 19.1 เมื่อช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการทดลองติดตั้งและอัพเดทจากเวอร์ชั่นเก่ารุ่นต่างๆ บนแล็ปท็อปและเดสก์ท็อปที่แตกต่างกัน ซึ่งพบว่าถ้าเวอร์ชั่นเดิมที่ใช้อยู่เป็นรุ่นเก่าตั้งแต่เวอร์ชั่น 18.3 หรือเก่ากว่า จะค่อนข้างใช้เวลานานและยุ่งยาก จึงแนะนำให้ติดตั้งแบบล้างของเก่าและลงใหม่ทั้งหมด (Clean Installation) จะดีกว่า
ขณะที่การอัพเกรดจาก Linux Mint 19 หรือ 19.1 Beta จะทำได้ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะตัวหลังที่แค่เปิด Update Manager เพื่อติดตั้งตัวอัพเดทที่มีทั้งหมด จากนั้นจึงรีบูทและใช้คำสั่ง sudo apt install xul-ext-lightning เพื่อติดตั้งแพกเกจใหม่อีกตัวหนึ่ง
ส่วนการอัพเดทจาก Mint 19 ก็ให้ไปที่ Update Manager เพื่ออัพเดททุกอย่างให้เป็นรุ่นล่าสุดหมดก่อนเช่นกัน หลังจากนั้นก็จะมีรายการใหม่ที่ชื่อ Upgrade to “Linux Mint 19.1 Tessa” ให้กดอัพเดทเป็น Mintรุ่นใหม่ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าไม่มีรายการนี้ขึ้น อาจจะเป็นเพราะยังใช้ Mint รุ่นเก่าอย่าง 18.3 จึงไม่สามารถติดตั้งเวอร์ชั่นล่าสุดด้วยวิธีนี้ได้
การติดตั้งแบบล้างลงใหม่ทั้งหมดนั้น จำเป็นต้องดาวน์โหลดไฟล์อิมเมจ ISO จากหน้า linuxmint.com/download.php ก่อน ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ 32 และ 64 บิต รวมทั้งรูปแบบเดสก์ท็อปทั้งแบบ Cinnamon, MATE, และXfceเวอร์ชั่นทั้งหมดนี้รองรับระบบการบูทและเฟิร์มแวร์ทั้งแบบ MBR และ EFI รวมทั้งสามารถเบิร์นลงดีวีดี หรือคัดลอกลงไดรฟ์ยูเอสบีเพื่อใช้ทดสอบการบูทหรือติดตั้งได้
ทั้งนี้ ทางทีม ZDNet แนะนำให้ใช้ระบบไฟล์แบบ BTRFS จะทำให้การติดตั้งง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะการสร้างสแนปช็อทของระบบ ส่วนรูปแบบเดสก์ท็อปนั้น แบบ Cinnamon ตัวใหม่จะเหมาะกับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ส่วนใหญ่ แต่สำหรับรุ่นเก่านั้น จะแนะนำให้ติดตั้งเป็นแบบ Xfce หรือ MATE จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ยังอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ดีที่สุดอยู่
ที่มา : ZDNet
