แคสเปอร์สกี้ แลป เปิดเผยว่า จากจำนวนข้อมูลไฟล์มุ่งร้ายใหม่ทั้งหมดที่ตรวจพบในปี 2018 มีจำนวนแรนซั่มแวร์ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 43% มีจำนวนแบ็คดอร์เพิ่มขึ้น 44% และมีคอมพิวเตอร์จำนวน 1 ใน 3 หรือ 30.01% โดนโจมตีจากภัยคุกคามออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งในปี 2018
ในเดือนมกราคม – ตุลาคม ปี 2018 การตรวจจับแรนซั่มแวร์ (โทรจัน-แรนซัม) และแบ็คดอร์มีสัดส่วน 3.5% และ 3.7% จากจำนวนไฟล์มุ่งร้ายใหม่ทั้งหมด โดยมีจำนวนแรนซั่มแวร์ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 43% (จำนวน 2,198,130 ปี 2017 เป็น3,133,513 ปี 2018) มีจำนวนแบ็คดอร์เพิ่มขึ้น 44%(2,272,341 ปี 2017 เป็น 3,263,681 ปี 2018)
เทคโนโลยีตรวจจับของแคสเปอร์สกี้ แลป รับมือกับไฟล์มุ่งร้ายใหม่ๆ จำนวน 346,000 ไฟล์ในแต่ละวัน ตัวเลขจำนวนและประเภทของไฟล์ที่พบจากการตรวจจับในแต่ละวันจะเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีในการวิเคราะห์ความสนใจของอาชญากรไซเบอร์ รวมถึงรูปแบบการสร้างและการแพร่กระจายมัลแวร์ ในปี 2011 เทคโนโลยีของแคสเปอร์สกี้ แลป ตรวจจับไฟล์มุ่งร้ายใหม่ได้ 70,000 ต่อวัน ในปี 2017 จำนวนไฟล์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 360,000 ไฟล์หรือเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า
นายอียาชสลาฟ ซาคอร์ชเชสกี้ หัวหน้าฝ่ายวิจัยแอนตี้มัลแวร์ ของแคสเปอร์สกี้ แลป กล่าวว่า “ในปี 2018 นี้ ตัวเลขการตรวจจับไฟล์มุ่งร้ายที่สร้างใหม่ในแต่ละวันมีจำนวนลดลงกว่าปีที่แล้ว ในทางหนึ่ง อาจบ่งชี้ได้ว่าอาชญากรไซเบอร์หันไปสนใจการใช้งานมัลแวร์เก่าที่รู้แล้วว่าทำงานมีประสิทธิภาพแต่ในอีกทางหนึ่ง สัดส่วนของจำนวนแบ็คดอร์และโทรจันแรนซัมแสดงให้เห็นว่า ผู้ก่อเหตุพยายามหาวิธีใหม่ๆ ในการรุกล้ำเข้าดีไวซ์และหาเงินจากเหยื่อ การพัฒนาภัยคุกคามอย่าต่อเนื่องทำให้เราต้องตระหนักต่อภัยคุกคามต่างๆ ทั้งภัยที่มีอยู่แล้ว ภัยที่รู้จักและไม่รู้จัก นี่เป็นเหตุผลที่แคสเปอร์สกี้ แลป หมั่นปรับปรุงพัฒนาระบบการตรวจจับและการป้องกันในทุกๆ วัน เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าของเราจะปลอดภัยจากภัยไซเบอร์”
ที่มา : ข่าวพีอาร์