เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สื่อหลายสำนักได้รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อนุมัติการออกใบอนุญาตดำเนินธุรกิจระหว่างบริษัทอเมริกันและหัวเว่ย “ได้ตามกรอบเวลา”
การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปภายหลังเสร็จสิ้นการหารือระหว่างทำเนียบขาวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของอเมริกาอย่างกูเกิ้ล ควอลคอมม์ อินเทล ซิสโก้ บรอดคอม เวสเทิร์นดิจิทัล และไมครอน เทคโนโลยี ที่ “ขอให้กระทรวงพาณิชย์ของอเมริกาตัดสินใจออกใบอนุญาตให้ทันเวลา ซึ่งต่อมาประธานาธิบดีโดนัลด์ได้เห็นชอบข้อเรียกร้องดังกล่าว” โฆษกทำเนียบขาวกล่าว
โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีท่าทีเหมือนจะผ่อนปรนให้กับหัวเว่ยหลังเสร็จสิ้นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในรอบที่ผ่านมา
มร. เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย เทคโนโลยี่ กล่าวว่าบริษัทของตนนั้นยังคงแน่วแน่ในการสร้างศักยภาพของตนเองให้แข็งแกร่ง แม้ความสัมพันธ์ระหว่างหัวเว่ยและสหรัฐฯ จะดีขึ้นก็ตาม
ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับ ไฟแนนเชียลไทม์ส มร. เหรินได้กล่าวว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมากับสหรัฐฯ น่าจะทำให้หัวเว่ยได้เรียนรู้แล้ว และในขณะที่หัวเว่ยเองก็ยังต้องการซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ อยู่ แต่ในท้ายที่สุดบริษัทเองก็ยังมองหาหนทางที่จะลดการพึ่งพาชิ้นส่วนจากอเมริกาให้น้อยลง มร. เหรินได้ย้ำอีกด้วยว่า “แถลงการณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับบริษัทอเมริกัน หัวเว่ยยังคงต้องการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทอเมริกัน แต่เราก็ไม่เห็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้มีผลกระทบมากมายขนาดนั้น เรายังคงแน่วแน่กับการทำงานของเราให้ถูกต้อง”