หน้าแรก Networking & Wireless บทความน่ารู้ : วิธีการขยายเครือข่ายไว-ไฟอย่างเหมาะสม

บทความน่ารู้ : วิธีการขยายเครือข่ายไว-ไฟอย่างเหมาะสม

แบ่งปัน

แม้หลายคนมองเป็นเรื่องง่ายแค่ติดตั้งแอคเซสพอยต์ (AP) เพิ่มเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงก็มีอีกหลายปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาก่อนเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการให้บริการที่มากที่สุด โดยที่หลีกเลี่ยงการลงทุนที่เกินจำเป็น

วางเป้าหมาย
ขั้นตอนแรกสุดเลย คุณต้องทำความเข้าใจถึงเป้าหมายที่ต้องการจริงๆ ก่อน จากนั้นจึงวิเคราะห์ระบบที่มีอยู่เดิมเพื่อดูว่าเครือข่ายที่มีอยู่ครอบคลุมและให้บริการในแต่ละบริเวณได้ดีมากแค่ไหน แล้วค่อยไปถึงการออกแบบและติดตั้ง AP ต่อไป

วิธีขยายเครือข่ายไว-ไฟนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครือข่ายใหม่ทั้งหมดในพื้นที่ใหม่ หรือเป็นการขยายเครือข่ายเดิมที่มีในเชิงพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ หรือแม้แต่การเพิ่มความสามารถในการรองรับจำนวนไคลเอนต์มากขึ้นในพื้นที่เดิม

ซึ่งแต่ละรูปแบบต่างก็มีความต้องการแตกต่างกันไป ดังนั้นการที่จะติดตั้งให้เหมาะสมนั้น คุณต้องตั้งเป้าให้ชัดเจนก่อน อย่างจำนวนเครื่องของผู้ใช้งานเครือข่ายในแต่ละช่วงเวลา พื้นที่ที่พวกเขาอาจไปอยู่รวมกันหนาแน่น

ไปจนถึงแบนด์วิธที่ต้องการของแอปพลิเคชั่นผู้ใช้ การจะทำให้ได้เครือข่ายที่คุ้มค่ากับเงินลงทุนมากที่สุดนั้น ควรวางแผนให้ได้การครอบคลุมและบริการสัญญาณได้ดีที่สุด โดยใช้แอคเซสพอยต์จำนวนน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ทำการสำรวจพื้นที่
การสำรวจการครอบคลุมสัญญาณไว-ไฟ หรือที่เรียกการทำเซอร์เวย์นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรทำในเกือบทุกกรณี เพื่อดูว่าแอคเซสพอยต์ที่ติดตั้งไว้ครอบคลุมสัญญาณได้ดีแค่ไหน ถ้าคุณยังไม่มีแผนที่แสดงการครอบคลุมสัญญาณหรือ Heatmap สำหรับเครือข่ายปัจจุบัน

ก็ยิ่งต้องรีบทำการสำรวจเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพการให้บริการที่มีอยู่ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการทำงานต่อ และมั่นใจได้ว่าเครือข่ายยังอยู่ในสภาพที่ดี การสำรวจพื้นที่ครอบคลุมสัญญาณยังช่วยหาตำแหน่งการวางแอคเซสพอยต์ตัวใหม่ที่ดีที่สุดด้วย

โดยเราควรทำการสำรวจหาตำแหน่งที่หลีกเลี่ยงสัญญาณรบกวนและจุดอับสัญญาณให้ได้มากที่สุด เวลาเราจะอัพเกรดเครือข่ายไว-ไฟนั้น ก็ควรประเมินพื้นที่ที่ต้องการพัฒนาการให้บริการสัญญาณ อย่างการคำนึงถึงจำนวนไคลเอนต์ที่มีในแต่ละพื้นที่

ประเมินแอคเซสพอยต์
รวมทั้งประเมินว่าต้องการแอคเซสพอยต์กี่เครื่องเพื่อรองรับเครื่องลูกเหล่านั้นได้ การคำนวณจำนวนแอคเซสพอยต์ที่ต้องการนั้นเราจะดูถึงสัดส่วนจำนวนไคลเอนต์แต่แอคเซสพอยต์ ซึ่งแม้ผู้ผลิตจะโฆษณาว่าสามารถรองรับผู้ใช้ได้มากถึง 100 – 300 เครื่อง

แต่ในความเป็นจริง คุณคงอยากจำกัดจำนวนไคลเอนต์ให้ได้อยู่ที่ 15 – 50 เครื่องต่อแอคเซสพอยต์ ขึ้นกับประเภทแอปพลิเคชั่นที่ใช้ ทั้งนี้สัดส่วนดังกล่าวอาจทำได้สูงกว่าเดิมเมื่อใช้แอคเซสพอยต์เทคโนโลยีใหม่อย่าง Wi-Fi 6 (802.11ax) ในพื้นที่ที่ใช้งานหนาแน่นอย่างสนามกีฬา

พิจารณาความสามารถ
อย่าลืมว่าการขยายเครือข่ายไม่จำเป็นต้องโล๊ะแอคเซสพอยต์เดิมออกหมดเพื่อใช้ของใหม่แทน แต่ก่อนหน้านั้นเราควรพิจารณาอายุและความสามารถของแอคเซสพอยต์ที่มีอยู่ก่อน เราอาจเลือกที่จะเปลี่ยนใหม่ถ้าตัวเดิมรองรับได้สูงสุดแค่ 802.11g

หรือเกณฑ์ตอนนี้อาจขึ้นไปถึง 802.11n ที่ต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งถ้าสุดท้ายจำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว ควรประเมินและเปรียบเทียบฟีเจอร์ให้ถี่ถ้วน นึกถึงการรองรับในอนาคตโดยดูว่ารูปแบบการใช้งานไว-ไฟจะเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางไหนเมื่อเวลาผ่านไป

นอกจากนี้เรายังควรพิจารณาเรื่องมาตรฐานไว-ไฟที่อุปกรณ์ไคลเอนต์รองรับด้วย อย่าลืมกฎเหล็กที่ว่า เราควรทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อยกระดับความสามารถการให้บริการของเครือข่ายก่อนที่จะตัดสินใจเลือกวิธีการเพิ่มจำนวนแอคเซสพอยต์

อย่างการทำให้แต่ละพื้นที่มีสัญญาณที่อยู่ในช่วงย่านความถี่คลื่นวิทยุหนาแน่นน้อยที่สุดก็จะช่วยลดสัญญาณรบกวนที่อยู่ในช่องสัญญาณเดียวกันได้ ทำให้เครือข่ายบริการได้ดีขึ้น เช่นการลดกำลังการส่งคลื่น หรือแม้แต่ปิดการให้บริการย่าน 2.4GHz บนแอคเซสพอยต์บางตัว

การหาตำแหน่งวางแอคเซสพอยต์ก็ควรดูเรื่องสิ่งกีดขวางสัญญาณอย่างสิ่งปลูกสร้างหรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ด้วย เราอาจใช้ตัววิเคราะห์สัญญาณไว-ไฟเพื่อลดเรื่องการรบกวนสัญญาณในแชนแนลเดียวกัน เพื่อให้มั่นใจว่าการครอบคลุมของแต่ละ AP ซ้อนทับกันเพียงพอที่จะโรมมิ่งได้แบบไม่สะดุด

ที่มา : Networkworld