เมืองใหญ่ต่างๆ นั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น เจอกับความท้าทายใหม่ๆ ในทุกๆ วัน แต่ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ปัจจัยสำคัญอย่างความปลอดภัยสาธารณะ การเคลื่อนย้ายภายในเมือง และการตรวจสอบภาพแวดล้อมก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ
ซึ่งการเชื่อมต่อขั้นสูง และเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ได้เข้ามาสนับสนุนทางการเมืองให้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยกระดับการจัดการและการควบคุมภายในเขตเมืองได้
การที่เมืองใหญ่มีการพัฒนาขึ้นพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ที่ออกมาให้พร้อมใช้งานในตลาด ย่อมส่งผลกระทบต่อเมืองใหญ่ในปัจจุบัน โดยมีเทรนด์ที่น่าจับตามองดังต่อไปนี้
1. การปกป้องข้อมูลจะใกล้ชิดกับการรวบรวมข้อมูลมากขึ้น ข้อมูลที่เป็นดั่งหัวใจของระบบสมาร์ทซิตี้ทุกแห่ง ที่จำเป็นต้องนำมาวิเคราะห์ ประมวลผล และนำไปดำเนินการต่อนั้น จำเป็นต้องผสานการปกป้องข้อมูลร่วมด้วยเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของพลเมือง
2. ความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังมีความสำคัญระดับต้นๆ พึงระลึกว่าสมาร์ทซิตี้ไม่ได้ทำให้เป็นเมืองที่ปลอดภัยไปด้วย การใช้เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อภายในเมืองนั้นย่อมเป็นการเปิดช่องว่างให้โดนโจมตีทางไซเบอร์ง่ายขึ้น
3. การประมวลผลแบบ Edge ทำให้เมืองอัจฉริยะมากขึ้น จากการเติบโตของการปฏิวัติทางดิจิตอลภายในเมือง ส่งผลให้จำเป็นต้องจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลตั้งแต่ส่วนปลายอย่างเซ็นเซอร์ กล้อง และอุปกรณ์ IoT
4. โมบิลี้ตี้ในเมืองใหญ่จะคล่องตัวมากขึ้น จากความท้าทายในการรักษาการไหลเวียนเดินทางภายในเมืองที่มีจำนวนและรูปแบบยานพาหนะเพิ่มขึ้น จึงต้องนำเทคโนโลยีอย่างโซลูชั่นจัดการที่จอดรถมาใช้
5. หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นหลัก เราต่างเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่รุนแรงอย่างชัดเจน หลายเมืองจึงตั้งเป้าหมายที่จะกลับมาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมาช่วยตรวจสอบและจัดการการใช้พลังงาน การกำจัดของเสีย เป็นต้น
ที่มา : Axis