องค์กรอิสระด้านเทคโนโลยีและนโยบายด้านไอทีอย่าง The Center for Data Innovation ได้ทำโพลออนไลน์เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาว่ารัฐบาลอเมริกาควรออกกฎหมายควบคุมระบบจดจำใบหน้าหรือไม่ ซึ่งจากผู้ที่ถูกสำรวจกว่า 3,151 ราย พบว่ามี 26.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นด้วย ขณะที่มีคนไม่เห็นด้วยมากถึง 44.9 เปอร์เซ็นต์
และช่องว่างของคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกว้างมากขึ้นไปอีกเมื่อตอบคำถามแบบเจาะจงสถานการณ์ลงไป เช่น เห็นด้วยหรือไม่ถ้าร้านค้าใช้เทคโนโลยีนี้ในการลดอัตราการโดนขโมยสินค้าจากการตรวจจับโจรที่รู้จักใบหน้า หรือเมื่อสนามบินใช้ระบบนี้เพื่อเร่งความเร็วในการเข้าคิวตรวจสอบด้านความปลอดภัย
เมื่อพิจารณาแยกตามอายุและเพศแล้ว กลับพบว่า คนรุ่นใหม่ช่วงอายุ 18 – 34 ปี มีถึง 29.8 เปอร์เซ็นต์ที่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลต้องจำกัดการใช้งานเทคโนโลยีนี้อย่างเคร่งครัด เมื่อเทียบกับกลุ่มอายุสูงกว่าอย่างช่วง 35 – 54 ปี ที่เห็นด้วยกับการจำกัดเพียงแค่ 25.7 เปอร์เซ็นต์ หรือกลุ่มคนอายุมากกว่า 55 ปีที่เห็นด้วยเพียงแค่ 23 เปอร์เซ็นต์
รวมทั้งกลุ่มเพศชายมีแนวโน้มที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนกับเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามากกว่าเพศหญิงด้วย แม้ที่ผ่านมาเริ่มมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เช่นกรณีสนามบินรัฐวอชิงตันจับผู้ชายที่พยายามเข้าโซนด้านหลังตม. ด้วยระบบสแกนไบโอเมตริกที่พบว่าใบหน้าจริงไม่ตรงกับหน้าบนพาสปอร์ต หรือการที่บริษัท FaceFirst ร่วมมือกับร้านค้าเชนรายใหญ่เช่น Walmart และ Target นำร่องตรวจจับการขโมย เป็นต้น
ที่มา : The Register