เดลล์ เทคโนโลยีส์ ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมด้านเอดจ์ครอบคลุมสายผลิตภัณฑ์พีซีและระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อช่วยให้องค์กรปรับใช้งานได้อย่างเรียบง่ายไม่ซับซ้อน พร้อมเพิ่มคุณค่าของข้อมูลที่สร้างและประมวลผลอยู่นอกดาต้าเซ็นเตอร์ดั้งเดิมและบนพับบลิคคลาวด์ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ไกลและทุรกันดาร ตลอดจนร้านค้าปลีกและในอาคารโรงงาน
“เอดจ์ คือเขตแดนที่ยิ่งใหญ่ถัดไปของเทคโนโลยี เอดจ์อยู่รอบๆ ตัวเราในทุกที่ ตั้งแต่ร้านค้าปลีกไปจนถึงโรงงานผลิต ในเมืองอัจฉริยะและในโรงพยาบาล” ไมเคิล เดลล์ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว “ที่เดลล์ เรากำลังคิดค้นโซลูชันที่ง่ายไม่ซับซ้อน เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ใกล้กับแหล่งที่มาของข้อมูล ช่วยให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและนำไปสู่ความก้าวหน้า”
บริษัทวิจัย ไอดีซี ได้ประเมินว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของระบบโครงสร้างไอทีใหม่ๆ จะถูกนำมาใช้กับเอดจ์ภายในปี 2023 โดย 69 เปอร์เซ็นต์ขององค์กรใน Fortune 100 ใช้โซลูชันเอดจ์ของเดลล์ เทคโนโลยีส์ อยู่แล้ว ซึ่งบริษัทได้สนับสนุนความต้องการด้านวงจรชีวิตข้อมูลสำหรับสิ่งที่จะกลายเป็นเขตแดนของเทคโนโลยีหลักถัดไป
นวัตกรรมเหล่านี้เป็นตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่เดลล์กำลังขยายสายผลิตภัณฑ์ด้านเอดจ์ที่มีอยู่ด้วยศักยภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้า บริการ Dell Technologies APEX Cloud ด้วย VMware Cloud ที่เปิดตัวในงาน VMworld มอบแพลตฟอร์มที่ให้ความเสถียรและปลอดภัยซึ่งบริหารจัดการโดยเดลล์ สำหรับองค์กรที่ต้องการย้ายเวิร์กโหลดระหว่างคลาวด์หลายประเภทและสภาพแวดล้อมเอดจ์ อีกทั้งสามารถขยายการใช้ทรัพยากรได้อย่างรวดเร็วในราคาที่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่โปร่งใส นอกจากนี้ Dell EMC PowerEdge เซิร์ฟเวอร์ใหม่ในรุ่นทาวเวอร์ และแร็ก ยังช่วยองค์กรบริหารจัดการทุกอย่างได้ครอบคลุมตั้งแต่เวิร์กโหลดสำคัญสำหรับธุรกิจ จนถึงเวอร์ชวลไลเซชันที่เอดจ์