กลุ่มสถาบันการเงินถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นหัวใจของทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งรวมตำแหน่งงานปริมาณมหาศาล หรือทำเงินให้ประเทศเป็นสัดส่วนสำคัญโดยเฉพาะกับประเทศอังกฤษที่มีคิดเป็นมูลค่ารวมกว่าแสนล้านปอนด์ และมีผลอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดของประเทศในช่วงที่กำลังออกจากอียูตอนนี้
แต่ขณะที่เมื่อก่อนทุกคนต่างเชื่อว่าวงการบริการทางการแพทย์นั้นเป็นตกเป็นเป้าโจมตีที่สำคัญของอาชญากรไซเบอร์ ก็มีผลการศึกษาล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่ทำงานในวงการบริการทางการเงินร่วมกับ VMware ซึ่งพบว่าสถาบันการเงินกว่า 2 ใน 3 ต่างมีแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งสิ้น
โดยพบว่า 90% ตั้งใจจะเจรจาต่อรองกับแฮ็กเกอร์ถ้าตกเป็นเหยื่อ ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มดังกล่าวมีการคุยต่อรองแบบนี้เป็นประจำ (แสดงว่าโดนโจมตีรัวๆ) นอกจากนี้กว่า 71% ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยไอที่ระบบอีแบงกิ้งและแอพปลายทางที่บริการลูกค้า มากกว่าระบบภายในหรือการรักษาข้อมูลธุรกรรมหลัก
นอกจากนี้ 53% พบว่าผู้นำองค์กรไม่ได้เข้าใจความซับซ้อนของอาชญากรรมไซเบอร์เพียงพอ และ 62% ยังไม่สามารถหางบประมาณเพื่อวางระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเร่งด่วนได้ สรุปก็คือ เกือบทุกสถาบันการเงินต่างรู้ตัวดีว่ามีช่องโหว่ แต่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อปกป้องได้เท่าที่ควร ยิ่งวงการนี้ต้องก้าวไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ก็เท่ากับทวีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมูลค่ามหาศาลต่อทั้งตัวบริษัทเอง และประเทศโดยรวมมากตามไปด้วย
ที่มา : Hackread
