หน้าแรก News & Event บทสรุปบริการใหม่ๆ จาก AWS ประจำปี 2019

บทสรุปบริการใหม่ๆ จาก AWS ประจำปี 2019

แบ่งปัน

โครงสร้างพิ้นฐานระดับโลกของ AWS (ข้อมูลวันที่ 15 มกราคม 2018)

AWS Cloud ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ  (Availability Zone) 60 แห่งใน 20 ภูมิภาคทั่วโลกและเขตท้องถิ่นอีก 1 แห่ง โดยมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการ (Availability Zone) อีก 12 แห่ง ครอบคลุม 4 ภูมิภาค ได้แก่ บาห์เรน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สวีเดน และจัดตั้งศูนย์ข้อมูล AWS GovCloud Region แห่งที่สองในสหรัฐอเมริกา พร้อมให้บริการออนไลน์ก่อนต้นปี 2019 เครือข่าย AWS Edge ประกอบไปด้วยจุดรับ-ส่งคอนเทนท์ 160 จุดทั่วโลก (เป็น Edge Location 149 จุด และเป็น Edge caches ระดับภูมิภาค 11 จุด)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภูมิภาคแต่ละที่ได้ที่นี่(https://aws.amazon.com/about-aws/global-infrastructure/) และเกี่ยวกับจัดรับส่งคอนเทนท์ได้ที่นี่(https://aws.amazon.com/cloudfront/features/)

 

สรุป บริการและฟังก์ชันใหม่จาก AWS Cloud 

 AWS Ground Station[มีตัวอย่างให้ดู]

บริการ AWS แบบใหม่ ช่วยให้ลูกค้าดาวน์โหลดข้อมูลจากดาวเทียมมายังศูนย์ข้อมูลที่ตั้งโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ AWS อย่างง่ายดายและคุ้มค่าเงิน โดยใช้เครือข่ายสถานีดาวเทียมภาคพื้นดิน 12 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วโลก

  • ทันทีที่ลูกค้าได้รับข้อมูลผ่านสัญญาณดาวเทียมมายังสถานีภาคพื้นดิน ลูกค้าสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปประมวลผลทันทีผ่านAmazon Elastic Compute Cloud (Amazon EC2) ก่อนในไปเก็บใน AWS Simple Storage (S3) และวิเคราะห์เพื่อใช้เป็นทรัพยากรฝึกฝนเครื่องจักรในการเฟ้นหาข้อูลเชิงลึก นอกจากนี้ ยังใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของอะเมซอนในการเคลื่อนย้ายข้อมูลต่างๆ ไปยังศูนย์ข้อมูลอื่นๆ ทั่วโลกเพื่ออำนวยความสะดวกในการประมวลข้อมูลสูงสุด
  • การเริ่มต้นใช้งาน AWS Ground Station อาศัยการติดตั้งเพียงไม่กี่คลิกผ่าน AWS Management Console เพื่อจัดสรรเวลาในการเข้าถึงสัญญาณดาวเทียมและปล่อยอินสแตนซ์ใน Amazone EC2 เพื่อเชื่อมการสื่อสารกับดาวเทียม
  • ลูกค้าไม่จำเป็นต้องสำรองเงินล่วงหน้า ไม่มีสัญญาผูกมัด และไม่ต้องสร้างหรือบริหารโครงสร้างภาคพื้นดิน เพียงแค่จ่ายค่าบริการตามนาทีเข้าถึงสัญญาณดาวเทียม

 

COMPUTE / NETWORKING

New Amazon EC2 Instance and Networking Enhancements

ลูกค้าเริ่มใช้เซทขอองเวิร์กโหลดที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นบนคลาวด์ และยังมองหาโซลูชันที่สามารถช่วยลดต้นทุนได้โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพในการทำงาน ถึงแม้ตัวประมวลเพื่อการใช้งานตามวัตถุประสงค์ทั่วไปยังคงมีคุณค่าที่เยี่ยมยอดสำหรับเวิร์กโหลดจำนวนมาก แต่ปริมาณงานใหม่ๆ ที่มีขนาดใหญ่ อาทิ containerized microservicesและ web tier applications ที่ไม่พึ่งพาชุดคำสั่ง x86 สามารถได้รับประโยชน์เสริมด้านประสิทธภาพและต้นทุนจากการทำงานบนตัวประมวลผล 64-บิต ARMที่ขนาดเล็กกว่าและทันสมัย ที่ทำงานร่วมกันเพื่อร่วมแบ่งปันโหลดด้านแอพพลิเคชัน

·        A1 instances– instance ตัวแรกที่ขับเคลื่อนด้วยโพรเซสเซอร์ AWS Graviton ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้สูงถึง 45 เปอร์เซ็นต์สำหรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นเช่นไมโครไซต์และเว็บเซิร์ฟเวอร์·        P3dn GPU instances – เหมาะอย่างยิ่งสำหรับแมชชีน เลิร์นนิ่งแบบกระจายและแอพพลิเคชันคอมพิวติ้งประสิทธิภาพสูง

  • C5n instances – มอบแบนด์วิธเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นเพื่อสำหรับการเรียกใช้งานปริมาณงานขั้นสูง

อินสแตนซ์ P3dn GPU และ C5n ใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีคุณสมบัติการส่งผ่านเครือข่าย 100 Gbps และเปิดใช้งานปริมาณงานที่กระจายออกเช่นการประมวลผลประสิทธิภาพสูง (HPC) การอบรมด้านแมชชีน เลิร์นนิ่ง และการวิเคราะห์ข้อมูล

บริการ AWS 3  อย่างที่ช่วยให้ลูกค้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และปล่อยสู่ตลาดได้เร็วขึ้น พร้อมจัดการข้อมูลได้ง่ายขึ้น (มีตัวอย่าง)

  • AWS Control Tower – ช่วยจัดสรรแลนดิ้งโซนในการติดตั้งหรือกำกับดูแลการทำงานผ่านบัญชี หลายบัญชีให้สอดคล้องกับมาตรฐานระเบียบ และปลอดภัยโดยอัตโนมัติ
  • AWS Security Hub – บริหารจัดการความปลอดภัยและมาตรฐานระเบียบต่างๆ ภายในวงจร AWS
  • AWS Lake Formation – ช่วยลูกค้าสร้าง Data lake ที่ปลอดภัย ใช้เวลาไม่กี่วัน ไม่ต้องเสียเวลาเป็นเดือน

 

บริการจัดการข้อมูล/กำกับดูแลและความปลอดภัย

AWS Outposts

แร็คเก็บข้อมูลและประมวลผลที่ปรับเปลี่ยนและจัดการได้เต็มรูปแบบ โดยฮาร็ดแวร์แต่ละชิ้นออกแบบโดย AWS ช่วยให้ลูกค้าประมวลผลและเก็บข้อมูลในอาคารได้ ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อข้อมูลกับบริการคลาวด์ของ AWS นานาประเภทอย่างไร้รอยต่อ ระบบจัดเก็บข้อมูลแบ่งออกเป็นสองประเภท

  • AWS Outposts ที่รองรับการใช้งาน Vmware Cloud ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วหลากหลายประเภท
  • AWS Outposts ที่ลูกค้าสามารถประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลภายในอาคารของตนเองได้

ทั้งนี้ บริการทั้งสองแบบจะจัดส่งแร็คให้ลูกค้า พร้อมให้บริการติดตั้ง (หากลูกค้าต้องการ) ช่วยจัดการบำรุงรักษาและเปลี่ยนแร็คใหม่ บริการ AWS Outposts ทั้งสองแบบ เป็นส่วนเชื่อมต่อมาจากบริการอะเมซอน VPC (ระบบคลาวด์เสมือนส่วนบุคคล) ที่เชื่อมต่อระบบไปที่ศูนย์ข้อมูล AWS ที่อยู่ใกล้ที่สุด ลูกค้าสามารถเชื่อมศูนย์ข้อมูลของตนเองผ่าน AWS Outposts เพื่อใช้แอปใน AWS หรือบริการ AWS อื่นๆ ได้   [ใช้งานได้ทั่วไปใน 2H ปี 2019]

 

STORAGE

บริการและความสามารถใหม่ด้านสตอเรจ

  • Amazon S3 Intelligent-Tieringคือพื้นที่จัดเก็บคลาส Amazon S3 ที่ลูกค้าโดยอัตโนมัติสำหรับข้อมูลที่มีการเข้าถึงที่ไม่เป็นที่รู้จักหรือมีการเปลี่ยนแปลง ด้วยการย้ายดาต้าไปสู่พืนที่จัดเก็บรูปแบบในการจัดเก็บที่คุ้มค่าที่สุด
  • Amazon S3 Glacier Deep Archiveคือคลาสพื้นที่จัดเก็บใหม่ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านสตอเรจจากผู้ให้บริการคลาวด์ด้วยอัตรา 00099 ดอลลาร์ต่อ GB ต่อเดือน (น้อยกว่าหนึ่งในสิบของหนึ่งเซ็นต์ หรือ 1 ดอลลาร์ต่อเดือน)

 

CONTAINER AND MICRO SERVICES

AWS App Mesh

AWS App Mesh ช่วยทำให้การเฝ้าระวังและควบคุมไมโครเซอร์วิสต่างๆ บน AWS เป็นเรื่องง่ายApp Mesh ช่วยสื่อสารข้ามไมโครเซอวิสต่างๆ ภายในแอปให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน  ช่วยให้ลูกค้าเห็นแอปในตลาดสูง และเพิ่มประสิทธิภาพในการรับ-ส่งข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

DATABASE

ความสามารถใหม่ด้านดาต้าเบส

AWS นำเสนอความสามารถใหม่ของAmazon Aurora และAmazon DynamoDBพร้อมดาต้าเบสใหม่ที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ (purpose-built)

  • Amazon RDS on VMware Amazon Relational Database Service (RDS) บน VMware ที่ช่วยให้ลูกค้าใช้งาน าตาเบสที่มีการจัดการในสภาพแวดล้อม VMware แบบ on-premiseโดยใช้เทคโนโลยี Amazon RDS ที่ลูกค้า AWS หลายแสนคนพึงพอใจ
  • Amazon Quantum Ledger Database (QLDB) – คือคลาสใหม่ของฐานข้อมูลที่ให้ความโปร่งใส ไม่เปลี่ยนรูปแบบและมีการเข้ารหัสที่สามารถตรวจสอบได้ซึ่งลูกค้าสามารถใช้เพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่เป็นระบบของบันทึกที่มีหลายฝ่ายกำลังทำธุรกรรมภายในองค์กรที่เชื่อถือได้จากส่วนกลางมันไม่จำเป็นต้องสร้างฟังก์ชันการตรวจสอบที่ซับซ้อนในฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์หรือพึ่งพาความสามารถในบัญชีแยกประเภทของเฟรมเวิร์กของ blockchain
  • Amazon Managed Blockchain – บริการ blockchainที่จัดการได้เต็มรูปแบบ ที่ช่วยให้สร้าง จัดการ และขยับขยายขนาดของเครือข่าย blogchainได้อย่างง่ายดายในราคาที่มีประสิทธิภาพสำหรับหน่วยงานต่างๆ ในการทำธุรกรรมในลักษณะการกระจายศูนย์โดยไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานที่เชื่อถือได้อยู่ที่ส่วนกลาง

 

AI/ML

  • Amazon Elastic Inferenceลดค่าใช้จ่ายของการคาดการณ์แมชชีน เลิร์นนิ่งได้ถึง75 เปอร์เซ็นต์TensorFlow เสริมประสิทธิภาพ และอินสแตนซ์ใหม่ของ Amazon EC2 P3dn ทำให้การฝึกอบรมการเรียนรู้ของเครื่องเร็วขึ้น AWS Inferentia ที่กำหนดเองสำหรับการเรียนรู้ด้วยเครื่องใหม่จะลดต้นทุนลงอย่างมาก
  • Amazon Personalize บริการให้คำแนะนำส่วนบุคคลตามเวลาจริง
  • Amazon Forecast คาดการณ์ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามช่วงเวลาต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
  • Amazon Textract ใช้ machine Learning มาประมวลผลเอกสารเกือบทุกประเภท แล้วดึงข้อความ/ข้อมูลออกมาโดยไม่ต้องอาศัยคนตรวจสอบหรือการเขียนโค้ดขึ้นใหม่โดยเฉพาะ
  • AWS Marketplace สำหรับ Machine Learning (ใช้งานทั่วไปได้แล้ววันนี้) ประกอบไปด้วยอัลกอริทึมและโมเดล Machine Learning ให้เลือกสรรกว่า 150 รายการ (และเพิ่มขึ้นทุกวัน) สามารถนำมาใช้ร่วมกับ SageMaker ของอะเมซอนได้โดยตรง นักพัฒนาสามารถนำโมเดลเหล่านี้ไปใช้ใน SageMaker ได้ทันที กรณีที่ต้องเพิ่มรายการโมเดลใน Marketplace นักพัฒนาสามารถทำด้วยตนเอง และจำหน่ายโมเดลที่ตนพัฒนาขึ้นผ่าน AWS Marketplace
  • AWS DeepRacer (เปิดให้สั่งจองแล้ววันนี้): แค่โค้ดไม่กี่บรรทัด นักพัฒนาก็จะได้รู้จักการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง (reinforcement learning) โดยเข้าร่วมกิจกรรม AWS Deepracer งานแข่งรถยนต์ขับเคลื่อนเองอัตโนมัติขนาด 1 ต่อ 18 รถยนต์ที่ใช้แข่ง มาพร้อมกับล้อขับเคลื่อนล้อ ยางดอกใหญ่ กล้องถ่ายภาพคมชัดระดับ HD และแมนบอร์ด และจะเคลื่อนที่โดยอาศัยโมเดลการเรียนรู้แบบเสริมกำลังที่พัฒนาผ่านอะเมซอน SageMaker นักพัฒนาจะได้ประลองทักษะ ทดสอบโมเดลการบังคับรถยนต์ แข่งกับนักพัฒนาอื่นๆ เพื่อคว้ารางวัลและเกียรติยศในรายการแข่งขัน DeepRacer League (DRL) การแข่งขันบังคับรถขับเคลื่อนเองได้ครั้งแรกของโลก เปิดรับทุกคนในปี 2019 จะมีงานแข่ง DeepRacer ภายในงาน AWS Summit ที่จะจัดขึ้นทั้งหมด 20 ครั้งทั่วโลก

 

เครื่องมือสำหรับนักพัฒนา – หุ่นจักรกล

AWS RoboMaker

บริการใหม่ของ AWS ช่วยให้นักพัฒนาสร้าง ทดสอบ และปล่อยโปรแกรมสั่งการหุ่นยนต์ตลอดจนหุ่นยนต์อัจฉริยะผ่านบริการคลาวด์

  • บริการนี้ใช้ Robot Operating System (ROS) หรือเฟรมเวิร์กที่ใช้เขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์แบบ open source และใช้กันแพร่หลายทั่วโลกมาใช้ ควบคู่กับการการใช้บริการอื่นๆ ของ AWS อาทิ Machine Learning บริการติดตามผล และบริการวิเคราะห์ข้อมูล ให้หุ่นยนต์สตรีมข้อมูล นำทาง สื่อสาร เข้าใจ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ
  • AWS RoboMaker ทำงานในสภาพบรรยากาศ environment ที่ผนวกแพลตฟอร์มพัฒนาหุ่นยนต์ผ่าน AWS Cloud9 กับแพลตฟอร์มจำลองหุ่นยนต์เพื่อเร่งกระบวนการทดสอบแอปพลิเคชัน พร้อมเชื่อมกับระบบบริหารและติดตามพิกัดตำแหน่ง (Fleet management) เพื่ออำนวยความสะดวกในการปล่อย อัปเดต และบริหารแอปพลิเคชันจากระยะทางไกล

[พร้อมใช้งานในภูมิภาค US East (N. Virginia), US West (Oregon), EU (Ireland); และวางแผนขยายบริการไปยังภูมิภาพอื่นๆ ในปี 2019]