Wi-Fi ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน โดยจากสถิติล่าสุดได้แสดงให้เห็นว่า 59.5% หรือเกินกว่าครึ่งของประชากรโลกนั้นได้มีการใช้งาน Internet อยู่แล้ว และวิกฤตโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ก็ได้ยิ่งขับเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นของ Wi-Fi ที่ทำให้ธุรกิจในแต่ละวันยังคงดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี เมื่อองค์กรมีการใช้งานระบบ Videoconference ที่ต้องการใช้แบนด์วิดธ์มากขึ้น มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการเร่งปรับตัวสู่การใช้งาน Cloud ระบบเครือข่ายที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ต้องแบกรับภาระที่มากขึ้น ซึ่งความต้องการในการทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลานี้ก็ส่งผลให้ระบบเครือข่ายไร้สายต้องรองรับการเชื่อมต่อที่มากยิ่งขึ้นรวมถึงต้องการช่องสัญญาณรับส่งข้อมูลที่มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ระบบเครือข่าย Wi-Fi ที่ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องทุกวันนี้ก็เริ่มเผชิญกับข้อจำกัดด้านช่องความถี่สัญญาณที่มีให้ใช้งานได้แล้ว
ประเด็นนี้เองที่ทำให้ Wi-Fi 6E ได้รับความสำคัญ ด้วยการคาดการณ์ว่าจะมีการใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E มากกว่า 338 ล้านชุดในปี 2021 แต่เทคโนโลยีดังกล่าวนี้แตกต่างจากเทคโนโลยี Wi-Fi ก่อนหน้าอย่างไร? และเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถเร่งการทำ Digital Transformation ที่ Edge ได้อย่างไร?
รองรับการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
ประเด็นแรกที่เป็นพื้นฐานเลยนั้นก็คือ Wi-Fi 6E นี้ถูกออกแบบโดย Wi-Fi Alliance เพื่อให้ Wi-Fi 6 สามารถใช้งานได้ในย่านความถี่ 6GHz โดยการตัดสินใจของ U.S. Federal Communications Commission ที่เปิดให้ย่านความถี่ 6GHz สามารถใช้งานได้เมื่อเดือนเมษายน 2020 ก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นให้ประเทศอื่นทั่วโลกได้ดำเนินการตาม โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เกาหลีใต้นั้นเป็นประเทศแรกที่เป็นให้ใช้งานย่านความถี่ 6GHz ได้เมื่อปีที่ผ่านมา ในขณะที่ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่นและไต้หวันนั้นก็เริ่มมีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน
ทำไมประเด็นนี้จึงสำคัญ? ตัวอักษร ‘E’ ใน Wi-Fi 6E นี้ย่อมาจากคำว่า ‘Extended’ ซึ่งเดิมทีเทคโนโลยี Wi-Fi 6 ที่เราคุ้นเคยนั้นจะใช้ย่านความถี่ 2.4GHz และ 5GHz เท่านั้น ในขณะที่ Wi-Fi 6E จะเพิ่มย่านความถี่ที่ใช้งานได้มากกว่าเดิมเกินกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว ซึ่งด้วยย่านความถี่ที่จะถูกแย่งกันใช้งานน้อยลง, มีช่องสัญญาณที่กว้างขึ้น และรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายได้มากขึ้นนี้ ก็ส่งผลให้ Wi-Fi 6E สามารถสนับสนุนการใช้งานในรูปแบบใหม่ๆ และรองรับนวัตกรรมใหม่ๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี
เปิดโอกาสสำหรับการใช้งานรูปแบบเดิมและรูปแบบใหม่
หนึ่งในกรณีการใช้งานที่เห็นได้ชัดเจนของ Wi-Fi 6E นี้ก็คือ Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ที่ต้องการความเร็วในระดับ Multi-Gigabit โดยทั้งสองเทคโนโลยีนี้ต่างก็เป็นที่รู้กันดีถึงความสามารถในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี หากอ้างอิงจากรายงานของ Grand View Research จะพบว่าการใช้งาน AR นั้นมีการเติบโตมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว (ด้วยมูลค่าตลาดโดยประมาณที่สูงถึง 340,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2028
นอกจาก AR และ VR แล้ว การใช้งานในภาคอุตสาหกรรมเองก็ยังได้รับประโยชน์จาก Wi-Fi 6E ด้วยเช่นกัน โดยในภาคการศึกษา Wi-Fi 6E จะช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อที่น่าเชื่อถือและไร้รอยต่อสำหรับโลกในยุค Digital Transformation ที่ทำให้เกิดห้องเรียนแบบดิจิทัลและโรงเรียนอัจฉริยะ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการเชื่อมต่ออย่างหนาแน่นอย่างเช่นหอประชุม, ห้องเรียน และหอพัก เพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านการเรียนที่เข้มข้นและช่วยให้การบริหารจัดการสถานศึกษาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับภาคสาธารณสุข Wi-Fi 6E สามารถช่วยให้แอปพลิเคชันที่มีความสำคัญสูงทำงานได้ดียิ่งขึ้นและให้บริการด้านการรักษาผู้ป่วยได้โดยไม่ต้องกังวลถึงประเด็นด้าน Latency หรือความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่าย ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่จะต้องเดินทางภายในอาคารอยู่ตลอดเวลาและมีการเชื่อมต่อใช้งานจากอุปกรณ์หลายร้อยชิ้นพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ภาคสาธารณสุขยังจำเป็นต้องอัปเกรดไปสู่การใช้ Wi-Fi 6E เพื่อรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันและบริการใหม่ที่ต้องใช้ข้อมูลปริมาณมหาศาล อย่างเช่นระบบรักษาทางไกลที่เป็นที่นิยมท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด เป็นต้น
มองสู่อนาคต
เมื่อปัญหาความหนาแน่นในการใช้ Wi-Fi เกิดมากขึ้น ประสบการณ์ของผู้ใช้งานก็ย่อมได้รับผลกระทบ โดยท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานี้ เราก็ยังคงต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อเครือข่ายไม่ว่าจะเป็นจากที่บ้าน, ที่โรงเรียน, ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในพื้นที่สาธารณะก็ตาม Wi-Fi 6E จึงเป็นเทคโนโลยีที่จะเปิดโอกาสใหม่ให้กับองค์กรที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปสู่การนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าผู้ใช้งานรายนั้นๆ จะเชื่อมต่อจากช่องทางใดก็ตาม
บทความโดยคุณ Steve Wood, Vice President, APJ แห่ง Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise