ความพยายามในการสร้างระบบเครือข่ายให้มีความอัจฉริยะ และสภาพแวดล้อมการทำงานในแบบ Edge Computing โดยสามารถที่จะเข้าใจพฤติกรรมการใช้งาน, แยกแยะอุปกรณ์, แบ่งเส้นทางที่ถูกต้อง, ลดโหลดในการปฏิบัติการ หรือแม้กระทั่งป้องกันความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ นับเป็นเรื่องยากมาก และยิ่งความต้องการของผู้ใช้งานมีการเปลี่ยนแปลง การบริหารจัดการที่ยากและซับซ้อนของระบบดั้งเดิมนั้น จึงไม่ใช่ทางที่ตอบโจทย์ขององค์กรไอทียุคใหม่
ก่อนที่จะไปกันต่อ อยากจะขออธิบายถึงสภาวะแวดล้อมการทำงานแบบ Edge กันเสียหน่อย ซึ่งในยุคปัจจุบันนี้หมายถึงการเกิดการประมวลผลที่อยู่ในส่วนปลายของเครือข่าย ที่มีการส่งข้อมูลเข้ามาในระบบเครือข่ายมากขึ้น และมีอุปกรณ์ที่ส่งข้อมูลไปมากกว่าแค่อุปกรณ์โน้ตบุ๊ก พีซี มือถือ แต่ยังรวมไปถึงอุปกรณ์ประเภท IoT ต่างๆ อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือแม้แต่อุปกรณ์เครื่องจักรอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่หลั่งไหลเข้าระบบเครือข่ายเหล่านี้มันมีมหาศาล และที่สำคัญ การบริหารจัดการเครือข่ายแบบเดิม ไม่อาจจะวิเคราะห์และแยกแยะอุปกรณ์เหล่านั้นได้เลย (ถึงทำได้แต่ก็ต้องใช้ความมานะพยายามอย่างสูงและสลับซับซ้อนมาก)
อรูบ้า (Aruba) ซึ่งเป็นผู้นำในโลกแห่งการบริหารจัดการเครือข่าย ได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว พวกเขาพยายามคิดค้นวิธีการบริหารจัดการด้านเน็ตเวิร์กที่ให้เกิดความง่ายแต่มีประสิทธิภาพมากที่สุด มีระบบการจัดการต่างๆ ออกมาให้เราเห็น ไม่ว่าจะเป็น Aruba ClearPass, Aruba Central และอื่นๆ อีกมากมาย จนในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบแล้วว่า หลักการที่จะทำให้เครือข่ายขององค์กรมีความอัจฉริยะได้ก็คือ การใส่ “สมอง” และ กลไกการขับเครื่องอัตโนมัติ ให้กับมัน
สมอง ที่ว่านี้ก็คือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่ทำงานร่วมกับ กลไกการปฏิบัติการแบบอัตโนมัติ เพื่อที่จะจัดการกับอุปกรณ์ด้านเน็ตเวิร์ก ควบคุมดูแลดีไวซ์ในทุกรูปแบบ (รวมไปถึงอุปกรณ์ IoT) ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด มันจึงเกิดเป็นแพลตฟอร์มใหม่ Aruba Edge Services Platform (ESP) ขึ้นมา ที่จะช่วยสร้างระบบการบริหารจัดการที่ง่ายและสะดวกรวดเร็ว พร้อมทั้งให้ความฉลาดและมีความปลอดภัยที่สูงให้กับเครือข่ายของคุณ โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการคือ
– การสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบรวมศูนย์ (Unified Infrastructure) ทั้งหมดอันได้แก่อุปกรณ์สวิตช์, Wi-Fi และ SD-WAN ครอบคลุมทุกระบบเครือข่ายระดับ Campus Network , Data Center รวมถึงสาขา และ สภาพแวดล้อมที่มีผู้ปฏิบัติงานเข้ามาจากระยะไกลมาไว้ร่วมกันได้
– การใช้เทคโนโลยี AIOps เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของ Aruba ESP ซึ่งใช้ AI และการวิเคราะห์หาต้นเหตุของปัญหาที่มีความถูกต้องมากกว่า 95% ทำให้ระบบเครือข่ายสามารถแก้ไขปัญหาเครือข่ายได้เองโดยอัตโนมัติ ตรวจสอบประสบการณ์ของผู้ใช้งานในเชิงรุก สามารถปรับแก้ระบบเครือข่ายเพื่อป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น
– สร้างความมั่นคงปลอดภัยของระบบเครือข่ายแบบ Zero Trust เป็นการรวมเทคโนโลยีการให้สิทธิการเข้าถึง โดยใช้ฟีเจอร์อย่างเช่น Device Insight ในการแบ่งแยกอุปกรณ์ และใช้ฟีเจอร์ Dynamic Segmentation เพื่อกำหนดสิทธิ์ให้อุปกรณ์ในการทำอะไรได้ หรือทำอะไรไม่ได้เป็นต้น
องค์ประกอบทั้งหมดทำให้ Aruba ESP ค่อนข้างโดดเด่นมากในแง่ของการจัดการเครือข่าย มันยังเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดรับระบบอื่นๆ ให้ทำงานร่วมได้ ซึ่งทำให้ผู้ดูแลระบบไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความยากลำบากในการดูแลอุปกรณ์, การแยกเครือข่าย, การปรับจูนเครือข่าย หรือแม้แต่คอยสอดส่องความปลอดภัยอุปกรณ์และยูสเซอร์อีกต่อไป เพราะ ESP จะทำงานให้หมด
อนึ่ง การที่จะสร้างเครือข่ายอัจฉริยะแบบ ESP ได้นั้น จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ของอรูบ้าทั้งหมด ซึ่งพวกเขาก็ตระหนักถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายที่องค์กรจะต้องจ่ายในการเปลี่ยนผ่านอุปกรณ์ ดังนั้นอรูบ้าก็มีโมเดลในการให้บริการในลักษณะ IT Consumption Based Model ผ่านทางบริษัทแม่อย่าง HPE ในบริการ HPE Financial Services เป็นทางเลือกทางการเงินที่ช่วยให้องค์กรลดภาระการลงทุนได้ โดยเป็นการใช้จ่ายตามจริง คือ “ใช้เท่าไหร่ ก็จ่ายเท่านั้น” อาจจะจ่ายในวันแรก 1-10% ของโครงการ และไปกำหนดชำระในส่วนที่เหลืออีก 90% ในระหว่างปีการใช้งานก็ทำได้
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่อรูบ้าคิด และวางแผนให้ตั้งแต่เทคโนโลยีและโซลูชั่น ตลอดไปจนถึงเรื่องของไฟแนนซ์กันเลยทีเดียว
เรียบเรียงโดย : ทีมงาน Enterprise ITPro