ผลการสำรวจล่าสุดซึ่งจัดทำโดยIDC บริษัทวิจัยการตลาดและให้คำปรึกษาด้าน IT ชั้นนำของโลกในหัวข้อ IDC Asia/Pacific Enterprise Cognitive/AI survey ชี้ให้เห็นว่าการนำปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาใช้ในภูมิภาคนี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อมองภาพรวมของทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่าในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 14 % เปรียบเทียบกับเพียง 8 % ของปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่ามีหลายบริษัทนำปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ได้อย่างอัจฉริยะของระบบคอมพิวเตอร์(AI/cognitive intelligence)เข้ามาฝังไว้ในกระบวนการทำงานมากขึ้น
ประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของภูมิภาคในการนำ AI เข้ามาใช้ถึง 24.6 % ขององค์กรทั้งหมดในประเทศ ตามด้วยอันดับสองคือประเทศไทย (17.1%) สิงคโปร์ (9.9%) และมาเลเซีย (8.1%) ประเภทการใช้งานในระดับต้น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ ใช้สร้าง algorithm ในการคาดการณ์ตลาด (17%) และการบริหารจัดการสินทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นอัตโนมัติ (11%)
ในประเทศไทยมีองค์กรถึง 17.1% ตอบว่าได้นำ AI มาใช้ในรูปแบบบางอย่างแล้ว ถือได้ว่าเทคโนโลยีนี้เป็นค่อนข้างมีความคืบหน้าในประเทศไทย องค์กรในภาครัฐ ภาคการดูแลสุขภาพและภาคการค้าปลีกเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่นำ AI เข้ามาใช้ ในบริษัทค้าปลีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ลงทุนจากประเทศจีน วางเป้าหมายไว้ว่าจะสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่ให้ผู้บริโภคโดยใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้จดจำหน้าและภาพเข้ามาช่วย
ในเรื่องของการใช้งานโดยเฉพาะในเรื่องของการตรวจจับภัยคุกตาม/ความผิดปกติ (Threat/anomaly Detections) และ การตรวจสอบคุณภาพโดยอัตโนมัติ (Automated Quality Inspections) เป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ ในประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ การนำ AI มาพัฒนาใช้งานในเรื่องนี้จะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมหลักของประเทศอย่างเช่นอุตสาหกรรมโรงงานผู้ผลิต
แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยตอบแบบสำรวจเป็นเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูงอันดับแรกเลยว่าการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เป็นอุปสรรคที่สำคัญมาก ๆ ประกอบกับมีองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยถึง 80% เห็นว่าความสามารถของ AI เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการอยู่รอดในเชิงการแข่งขันขององค์กรของตนในอนาคต ถือว่าสูงที่สุดในอาเซียนเลย แสดงให้เห็นเข้าใจผิดในการจับคู่ระหว่างการรับรู้ความเร่งด่วนในการนำ AI เข้ามาใช้งานกับการมีเครื่องมือที่จะนำ AI มาใช้ สิ่งที่จะต้องรีบทำอย่างยิ่งคือการแสวงหา แนวทาง เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่เหมาะสมมาช่วยลดผลกระทบจากการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ (talent shortage)
“AI และการวิเคราะห์จะเพิ่มความสามารถให้พนักงานและเป็นพลังสำคัญในการผลักดันองค์กรให้ประสบความสำเร็จ เรารู้สึกยินดีมากที่จะได้เห็นองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยตระหนักถึงการเพิ่มความสามารถในการผลิต (productivity) และประสิทธิภาพในการทำงาน (efficiency) ด้วยการนำ AI เข้ามาใช้” กล่าวโดยคุณ ณัฐพล อภิลักษณ์โตยานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด “อย่างไรก็ตามการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นจริงและต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน จำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรธุรกิจและภาครัฐในไทยจะต้องร่วมมือกันพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้องและทำให้ความสามารถในการวิเคราะห์เป็นเรื่องที่ทุกองค์กรสามารถเข้าถึงได้”