นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไปด้านการขาย ผลิตภัณฑ์ และการตลาด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2017 ว่า “บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ตามเป้าที่ 7% โดยแบ่งเป็นตลาดประเทศไทย เอปสันทำรายได้เติบโต 6% และตลาดต่างประเทศภายใต้การดูแลของเอปสัน ประเทศไทย ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และปากีสถาน รวมมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 14%”
เขาเสริมว่า สำหรับประเทศไทย กลุ่มผลิตภัณฑ์อิงค์แท็งค์พรินเตอร์สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ 7% และยังรักษาตำแหน่ง ผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 46% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้อิงค์เจ็ทพรินเตอร์แบบ ตลับหมึกและเลเซอร์พรินเตอร์ขาวดำรุ่นเล็กมาใช้อิงค์แท็งค์พรินเตอร์แทน เพราะต้องการประหยัดต้นทุนการพิมพ์ ต่อแผ่น ต้องการพิมพ์สี และพิมพ์ในปริมาณที่สูงขึ้น โดยเอปสันเป็นแบรนด์ Top of Mind ของผู้บริโภค เนื่องจาก เป็นผู้ผลิตพรินเตอร์รายแรกที่ออกจำหน่ายอิงค์แท็งค์พรินเตอร์ตั้งแต่ปี 2553 และเป็นผู้นำตลาดมาโดยตลอด ทั้งยังมีรุ่นผลิตภัณฑ์มากกว่าคู่แข่ง ได้รับการยอมรับในเรื่องประสิทธิภาพและความทนทาน
ในส่วนของโปรเจคเตอร์ มียอดขายเติบโตขึ้น 6% และยังเป็นเจ้าตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดรวมถึง 46% โดยมี ปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ สามารถจำหน่ายเครื่องระดับกลางและระดับบนได้มากขึ้น บวกกับมีการออก ผลิตภัณฑ์ใหม่และทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรินเตอร์ระดับมืออาชีพสามารถทำยอดขาย เพิ่มขึ้น 9% เนื่องจากธุรกิจโฟโต้แล็บมีการขยายตัวอย่างมากและนิยมใช้ระบบดิจิทัลกันมากขึ้น เพื่อรองรับทุก ประเภทงานพิมพ์ได้อย่างครบวงจร ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 650 แล็บทั่วประเทศใช้พรินเตอร์ของเอปสันรวมมากกว่า 1,000 เครื่อง”
วางเป้าปี 2561 โตทุกกลุ่ม
สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจในปี 2561 เอปสันตั้งเป้าเติบโตรวม 7% โดยแบ่งเป็นตลาดประเทศไทยที่ 5% และ ตลาดต่างประเทศ 15% โดยธุรกิจหลักที่บริษัทฯ โฟกัสประกอบด้วยอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูงสำหรับองค์กร ขนาดใหญ่ เลเซอร์โปรเจคเตอร์ และหุ่นยนต์แขนกล
ยรรยง กล่าวว่า “หากพิจารณาจากจำนวนพรินเตอร์ทั้งหมดที่จำหน่ายในปี 2560 กว่า 1.3 ล้านเครื่อง พบว่า 78% อยู่ในองค์กรธุรกิจ และ 22% ในตลาดคอนซูเมอร์ ซึ่งปัจจุบันทั้งสองตลาด อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ครองส่วนแบ่ง ส่วนใหญ่อยู่ โดยปริมาณความต้องการใช้เลเซอร์พรินเตอร์ในตลาดธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับยอดขาย ของอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น จนเอปสันเชื่อว่าภายใน 3 ปีจากนี้ หรือปี 2563 อิงค์เจ็ทพรินเตอร์จะขึ้นมาเป็น มาตรฐานการพิมพ์ใหม่ขององค์กรธุรกิจอย่างแน่นอน ด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 75% หรือ 3 ใน 4 ของพรินเตอร์ ทั้งหมดในตลาดองค์กรธุรกิจ”
ในกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ ไฮไลท์ในปี 2561 จะอยู่ที่เลเซอร์โปรเจคเตอร์ที่มีทั้งความทนทานใช้งานได้นาน ถึง 20,000 ชั่วโมง เขาบอกต่อว่า “เลเซอร์โปรเจคเตอร์กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกำลังเพิ่มจำนวนรุ่นจนครอบคลุมเครื่องในความสว่างระดับกลางที่ 5,000 ลูเมนท์ จากเดิมที่มีอยู่แต่เครื่องระดับบน สำหรับในปีนี้ เอปสันมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 5 รุ่น ในทุกช่วงระดับความสว่าง
สุดท้ายคือกลุ่มหุ่นยนต์แขนกล หลายอุตสาหกรรมตื่นตัวในการนำ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในสายการผลิต เพื่อเพิ่มผลิตผล ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ลดต้นทุน และ พัฒนาศักยภาพการทำงาน มีการคาดการณ์ว่าภาคการผลิตของประเทศไทยราว 50% จะเริ่มใช้งานหุ่นยนต์และ ระบบอัตโนมัติภายใน 1 – 3 ปี เอปสันได้เริ่มนำหุ่นยนต์แขนกล SCARA Robot และ 6-Axis Robot เข้ามาทำตลาด ซึ่งเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง โดยตลาดเป้าหมายของ เอปสันอยู่ที่กลุ่มโรงงานผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์”
สำหรับงานด้านการบริการ นายอนันต์พล นนทพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไปด้านการบริการและบริหารองค์กร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เอปสันมีการพัฒนาระบบการให้บริการลูกค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อยกระดับ ความพึงพอใจของลูกค้า โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการนำระบบ CRM แบบบูรณาการ หรือ Service CRM Integrate System ซึ่งประกอบด้วย Call Center Management ที่นอกจากจะตอบคำถาม ให้คำแนะนำ และรับเรื่องจากลูกค้าแล้ว ยังรวบรวมข้อมูลคำถามและความสนใจด้านต่างๆ ของลูกค้าไว้ เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นความรู้ใน ระบบ Integrated Knowledge Management โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังระบบต่างๆ เพื่อใช้กำหนดรูปแบบงานบริการด้านต่างๆ ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละประเภท ทั้งด้านการรับประกันและการเคลม การบริการ ซ่อมแซม รวมถึงการตรวจซ่อมหน้างาน”