เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมานั้น บริษัทรับซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินคริปโตรายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง Coincheck ได้ถูกแฮ็กระบบ ปล้นเงินดิจิตอลไปรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นการปล้นทางไซเบอร์ที่มีมูลค่ามากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยเงินที่ถูกปล้นนี้เป็นสกุลใหม่ดาวรุ่นพุ่งแรงอย่าง NEM
เหตุการณ์นี้สร้างความกังขาทั่วโลกเกี่ยวกับความปลอดภัยของเงินคริปโต ซึ่งทาง Coincheck ก็ยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่าระบบของตัวเองถูกแฮ็กได้อย่างไร เพียงแค่ย้ำว่าการจารกรรมครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากบุคคลภายใน ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตกับระบบของ Coincheck ที่ดูไม่ปลอดภัยเมื่อเทียบกับเอเยนต์เอ็กซ์เชนจ์ที่มีชื่อเสียงเจ้าอื่น
ประการแรก Coincheck เก็บเงินดิจิตอลของลูกค้าไว้ในวอลเล็ตเดียวกับที่ใช้ซื้อขายซึ่งมีสภาพคล่องสูงมาก หรือที่เรียกว่า Hot Wallet ซึ่งวอลเล็ตนี้ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอกตลอดเวลา ขณะที่เอ็กซ์เชนจ์เจ้าอื่นเก็บเงินลูกค้าส่วนใหญ่ไว้ในวอลเล็ตแยกต่างหากที่เรียกว่า Cold Wallet ทำให้ไม่เสี่ยงต่อการโดนแฮ็กตลอดเวลาแบบนี้
นอกจากนี้ Coincheck ยังไม่ได้ใช้ระบบความปลอดภัยแบบยืนยันตนหลายชั้นหรือ Multi-signature ที่หลายเจ้าต้องใช้ก่อนที่จะยอมเคลื่อนย้ายเงินให้ แม้ผู้พัฒนาเงิน NEM ได้สร้างกลไกการตรวจสอบที่เปิดให้เอ็กซ์เช้นจ์สามารถดึงเงินที่โดนขโมยกลับมาได้ก็ตาม แต่เชื่อว่าแฮ็กเกอร์ได้ใช้บริการที่ทำให้ตรวจสอบข้อมูลได้ยากขึ้นอย่าง ShapeShift พร้อมหาแหล่งฟอกเป็นเงินสกุลอื่นเรียบร้อยแล้ว
ที่มา : fortune
