ดาต้าเซ็นเตอร์ปัจจุบันเริ่มก้าวล้ำเกินกว่าชิ้นส่วนที่อยู่ภายในเครื่องแล้ว ความต้องการทั้งด้านพลังงาน, ระบบทำความเย็น, และพื้นที่จัดวางต่างวิวัฒนาการจนตามแทบไม่ทัน จึงกลายเป็นแรงผลักดันให้องค์กรทั้งหลายเริ่มปรับเปลี่ยนระบบดาต้าเซ็นเตอร์ของตนเองให้ทันสมัย และสนองตอบการดำเนินธุรกิจของตนเองได้ซึ่งทาง IDC มองว่า ภายในปี 2563 นี้ องค์กรกว่า 55% จะอัพเกรดระบบเดิม หรืออาจจะสร้างระบบดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่ เพื่อไล่ตามความต้องการระบบของแอพรุ่นใหม่ และสถาปัตยกรรมไอทีรุ่นใหม่ๆ
นอกจากนี้ยังมองเห็นการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานไปเป็นแบบ Software-Defined, ก้าวสู่การจัดการโครงสร้างพื้นฐานแบบอัตโนมัติ, รวมทั้งเปลี่ยนมาใช้โมเดลที่จ่ายค่าบริการตามปริมาณการใช้งาน เป็นต้น
โดยการพยากรณ์ 10 ประการเกี่ยวกับโลกดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่จาก IDC ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 1 – 3 ปีข้างหน้า มีดังต่อไปนี้
1. การเปลี่ยนระบบใหม่ให้ทันสมัยหรือ Modernization ภายในปี 2563 โหลดงานจากแอพยุคใหม่ที่หนักมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ 55% ขององค์กรต้องยกระดับเทคโนโลยีดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเองใหม่
2. การปรับสัดส่วนโหลดงานให้มีประสิทธิภาพหรือ Rationalization ภายในปี 2562 จะมีการจัดสรรโหลดงานแบบ Next-Gen ที่ส่งผลให้มีการเปลี่ยนดีไซน์ของโครงสร้างพื้นฐานอย่างมาก
3. ปรับรูปแบบการจัดการด้านไอทีในลักษณะไฮบริดจ์ โดยกว่า 70% จะเปลี่ยนความต้องการทางธุรกิจเป็นการลงทุนด้านไอทีที่สอดคล้องอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการจ้างพนักงานที่มีทักษะอย่างเหมาะสม
4. การแบ่งระบบต่างๆ ในลักษณะโมดูล เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะส่วนของพลังงานและระบบทำความเย็น
5. เปลี่ยนรูปแบบการซื้อหรือลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์เป็นคิดตามปริมาณการใช้งานจริง ภายในปี 2563 จะเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนมาอยู่ในรูปของ “as-a-Service” มากขึ้น
อ่านข่าว : 7 แนวโน้ม เน็ตเวิร์กระดับองค์กร ที่มาแรงแซงโค้งในปี 2018
6. มีการควบคุมข้อมูลอย่างเป็นระบบมากขึ้น ภายในปี 2564 ประมาณ 25% ขององค์กรขนาดใหญ่จะนำเรื่องของการลงทุนเพื่อทำตามกฎหมายมาใช้ประโยชน์เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยการนำมาบังคับควบคุมข้อมูลแบบอัตโนมัติบนทุกแพลตฟอร์มทั้งคลาวด์, ดาต้าเซ็นเตอร์, และ Edge
7. หันมาใช้ระบบไอทีแบบ Software-Defined โดยในปี 2562 องค์กรจะเริ่มเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานไอทีตัวเองกว่าครึ่งในดาต้าเซ็นเตอร์และ Edge ไปใช้โมเดลแบบ Software-Defined
8. ใช้ระบบดาต้าเซ็นเตอร์แบบอัตโนมัติหรือ Smart Edge ภายในปี 2564 โครงสร้างพื้นฐานหลักขององค์กรกว่าครึ่งจะเปลี่ยนมาทำงานแบบอัตโนมัติ รวมทั้งใช้ระบบไอทีแบบอัตโนมัติดังกล่าวบริเวณ Edge ด้วย
9. มีการอัพเกรดระบบไอทีที่เน้นกระจายทั้งองค์กรภายในปี 2564 จะมีบริษัทมากกว่า 50% ที่จะลงทุนกับการอัพเกรดระบบเครือข่าย, ประมวลผล, และสตอเรจในบริเวณขอบหรือ Edge มากกว่าส่วนดาต้าเซ็นเตอร์แกนหลัก
10. มีความกังวลด้านการรับประกันการบริการมากขึ้น โดยในปี 2562 จะมีบริการดิจิตอลกว่า 60% ที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของลูกค้าได้ เนื่องจากผู้ให้บริการไม่สามารถตรวจสอบและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทั้งด้านประสิทธิภาพ, การใช้งาน, และการลดค่าใช้จ่าย
ที่มา : Networkworld