หน้าแรก Artificial Intelligence IBM Maximo ยกระดับธุรกิจด้วยการบริหารจัดการสินทรัพย์องค์กรอัจฉริยะ

IBM Maximo ยกระดับธุรกิจด้วยการบริหารจัดการสินทรัพย์องค์กรอัจฉริยะ

แบ่งปัน

การดำเนินงานของธุรกิจและอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล ที่มีเครื่องจักรและอุปกรณ์จำนวนมากเป็นหัวใจในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็น การผลิต พลังงาน ระบบสาธารณูปโภค รวมถึงองค์กรภาครัฐ จำเป็นต้องดูแลให้อุปกรณ์เหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกิดการหยุดชะงัก (Downtime) เพราะความมีเสถียรภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์ส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจ ทั้งคุณภาพสินค้า บริการ ความพึงพอใจของลูกค้า ความน่าเชื่อถือ และชื่อเสียงขององค์กร

ความท้าทายที่ตามมาคือการตรวจสอบและบำรุงรักษาในอดีต จะเป็นการทำโดยใช้แรงงานคนเป็นหลัก รวมถึงเป็นการแก้ไขหลังจากปัญหาเกิดขึ้น (reactive) นอกจากจะใช้เวลา และงบประมาณจำนวนมากแล้ว ยังต้องการเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางการแก้ไขได้อย่างแม่นยำและตรงจุด

Advertisement

ขณะที่หลายองค์กรต้องเตรียมงบประมาณจัดซื้ออะไหล่เพื่อการบำรุงรักษามากเกินความจำเป็น  เพื่อเป็นเครื่องรับประกันว่า เมื่อเกิดปัญหาจะมีอะไหล่เปลี่ยนทดแทนได้ทันที

ก้าวสู่การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ด้วย IBM Maximo

ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจจึงต้องการเทคโนโลยีการบริหารจัดการสินทรัพย์องค์กร (Enterprise Asset Management : EAM) ที่ทันสมัย มีการนำระบบ IoT และ AI มาทำงานร่วมกันอย่าง IBM Maximo โซลูชันระดับโลก ที่สามารถเลือกใช้งานได้ทั้งแบบ On-Premises และ On-Cloud

IBM Maximo ได้รับการพัฒนาเพื่อช่วยให้ธุรกิจมองเห็นภาพรวมและขั้นตอนการทำงานทั้งหมดในองค์กร (Visibility) แบบเรียลไทม์, ควบคุม (Control) และสามารถนำระบบอัตโนมัติ (Automatic) มาใช้ เพิ่มความรวดเร็ว ให้กระบวนการตรวจสอบและบำรุงรักษาสินทรัพย์

IBM Maximo เป็นโซลูชันที่มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 40 ปี และในเวอร์ชันล่าสุดได้พัฒนาไปสู่ “IBM Maximo Application Suite (MAS)” ที่ไม่ได้เป็นเพียงระบบบริหารจัดการสินทรัพย์องค์กรเพียงอย่างเดียว

แต่เมื่อทำงานร่วมกับเทคโนโลยี IoT และแพลตฟอร์ม Generative AI ของ IBM อย่าง watsonx ก็สามารถเก็บข้อมูล และวิเคราะห์การทำงาน เพื่อคาดการณ์สถานะของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาระบบหยุดชะงัก เปลี่ยน “การซ่อมบำรุงหลังเกิดเหตุ (Reactive Maintenance)” เป็น “การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์  (Predictive Maintenance)” ป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหา จนส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับ

IBM Maximo ช่วยลดระยะเวลาที่ระบบหรือเครื่องจักรหยุดทำงาน ช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความต่อเนื่องของการดำเนินงาน ช่วยลดต้นทุนการจัดหาอะไหล่ ลดการใช้แรงงานคน ลดความเสี่ยง

เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์และแก้ไขข้อบกพร่อง เพิ่มความพร้อมในการดำเนินงาน ยืดอายุการใช้งานเครื่องจักร เสริมศักยภาพการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ

การทำงานด้านต่างๆ

IBM Maximo ประกอบด้วยกระบวนการทำงานด้านต่างๆ ได้แก่ Manage, Monitor, Health and Prediction และ Visual Inspection ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ติดตามสถานะการทำงาน ตรวจสอบความผิดปรกติ ดูแลการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์  แต่ละกระบวนการมีรายละเอียดเบื้องต้นคือ

Manage : หัวใจหลักของการทำงานในส่วนการบริหารจัดการสินทรัพย์ โดยจะดึงฟังก์ชันการทำงานต่างๆ จาก Maximo เวอร์ชันก่อนหน้า มาไว้ในส่วน Manage ทั้งหมด และเสริมด้วยเทคโนโลยี IoT และ AI ช่วยให้องค์กรสามารถมองเห็นข้อมูลทรัพย์สินทุกประเภทได้อย่างครอบคลุม ช่วยให้การวางแผน การควบคุม การตรวจสอบ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Monitor : การใช้เทคโนโลยี IoT และเซ็นเซอร์ต่างๆ ติดตามการทำงานและตรวจจับความผิดปรกติของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรแบบ Real-Time หากพบความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย ระบบก็สามารถสร้างใบงานเพื่อส่งต่อให้ผู้รับผิดชอบตรวจสอบอัตโนมัติ ช่วยลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงัก

Health and Predict : การทำงานร่วมกันระหว่าง AI และฐานข้อมูลการทำงาน ความผิดปรกติ และรูปแบบการแก้ไข ช่วยให้รู้สถานะของเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่สำคัญ ช่วยให้ระบบสามารถพยากรณ์แนวโน้มว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องจักรหรืออุปกรณ์เหล่านี้บ้าง

ทำให้องค์กรสามารถเตรียมตัวล่วงหน้า วางแผนการซ่อมบำรุง จัดหาอะไหล่ และจัดลำดับความสำคัญในการซ่อมบำรุงเชิงป้องกันได้อย่างเหมาะสม

 Visual Inspection : การใช้เทคโนโลยี AI และ Computer Vision วิเคราะห์หาความบกพร่องจาก ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่ถ่ายจากโดรน กล้องถ่ายภาพ หรือกล้องวงจรปิด เข้ามาช่วยในการทำงาน ในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรืออันตราย เช่น บนตึกสูงหรือบนเสาไฟฟ้าแรงสูง เป็นต้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำในการทำงาน ลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ และลดต้นทุนในการตรวจสอบหาความบกพร่อง

ตัวอย่างหน้าจอการทำงานของ Visual Inspection

IBM Maximo Application Suite เวอร์ชันล่าสุด ยังได้รับการเสริมความสามารถให้ดียิ่งขึ้น โดยมีการทำงานที่น่าสนใจเช่น

Maximo Mobile แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์โมบาย ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้ใช้งานง่ายขึ้น รองรับการทำงานทั้งบนระบบปฏิบัติการ iOS และแอนดรอย์ ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ของ IBM Maximo ได้จากทุกที่ทุกเวลา เช่น การดูรายละเอียดและข้อมูลการทำงานของสินทรัพย์ การมอบหมายและติดตามงานซ่อมบำรุง รวมถึงการให้ข้อมูลและจัดการคลังจัดเก็บอุปกรณ์ เป็นต้น

โดยผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดสิทธิการมองเห็นและเข้าถึงฟังก์ชัน ของผู้ใช้แต่ละคนให้แตกต่างกัน ตามหน้าที่ความรับผิดชอบ

Maximo Work Order Intelligence การนำความสามารถของ Generative AI ของ watsonx มาช่วยให้การแจกจ่ายงานซ่อมบำรุงของผู้ดูแลไปยังพนักงานซ่อมบำรุง มีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น โดย AI จะวิเคราะห์ และให้ข้อมูลความบกพร่องในรูปแบบของ Failure code  แก่ผู้ดูแลระบบ ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากสาเหตุใด  เมื่อมีข้อมูลถูกต้อง พนักงานซ่อมบำรุงก็สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

ภาพแสดงการการแนะนำ Failure code ด้วยระบบ AI

ความสำเร็จจากการใช้งานจริง

องค์กรในต่างประเทศ มีการนำ IBM Maximo มาใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งธุรกิจพลังงาน การผลิต ก่อสร้าง คมนาคม หน่วยงานภาครัฐ ระบบสาธารณูปโภค และสมาร์ทซิตี้ เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น การนำ IBM Maximo มาใช้ในการดูแลสะพาน Great Belt โดยบริษัท Sund & Bælt ประเทศเดนมาร์ก จากเดิมที่ใช้วิธีการตรวจสอบ โดยการจ้างนักปีนเขามาถ่ายภาพจุดต่างๆ ของสะพาน ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบนานหลายเดือน และมีค่าใช้จ่ายสูง

เปลี่ยนมาใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ภาพโครงสร้างส่วนต่างๆ ของสะพานที่ถ่ายด้วยโดรน ทำให้สามารถตรวจหาจุดที่ต้องซ่อมบำรุงได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วัน  มีความแม่นยำ และมีประสิทธิภาพ  ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความรวดเร็วในการสำรวจหาความเสียหาย มีข้อมูลวิเคราะห์ความเสี่ยง ทำให้สามารถคาดการณ์อายุการใช้งาน และซ่อมบำรุงสะพานได้ดียิ่งขึ้น

ขณะที่ระบบสาธารณูปโภคอย่างการผลิตไฟฟ้า ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่สามารถนำ IBM Maximo มาใช้เพื่อบริหารจัดการอุปกรณ์ในโรงผลิตไฟฟ้าและสายส่งแบบ Predictive Maintenance เพื่อคาดการณ์อายุการใช้งานและการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ล่วงหน้าอย่างแม่นยำ สามารถตรวจสอบเครื่องจักรที่มีแนวโน้มว่าจะเสียหายก่อนเกิดเหตุที่อาจกระทบต่อการผลิต ลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้ออุปกรณ์ใหม่ และสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า

ทริปเปิลดอท คอนซัลติ้ง ผู้เชี่ยวชาญโซลูชัน IBM Maximo

เพื่อให้สามารถปรับโซลูชัน IBM Maximo ให้เข้ากับธุรกิจที่มีรูปแบบการดำเนินงานแตกต่างกันได้อย่างลงตัว และบริหารจัดการสินทรัพย์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องการผู้เชี่ยวชาญที่ไม่เพียงเข้าใจฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ของ IBM Maximo แต่ยังต้องเข้าใจความต้องการทางธุรกิจอย่างถ่องแท้อีกด้วย

“บริษัท ทริปเปิลดอท คอนซัลติ้ง จำกัด” ในฐานะบริษัทให้คำปรึกษาทางธุรกิจและการจัดการสินทรัพย์องค์กร มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในระบบ IBM Maximo มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี และเป็น IBM Gold Partner

ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งธุรกิจพลังงาน การผลิต เคมีภัณฑ์ การเงิน และโทรคมนาคม

พร้อมช่วยให้ทุกองค์กรใช้งานโซลูชัน IBM Maximo ในการจัดการและบำรุงรักษาสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถปรับแต่งการทำงานให้ตรงกับความต้องการและรูปแบบการดำเนินธุรกิจของแต่ละองค์กรได้อย่างลงตัว ลดการเกิด Downtime ลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนในการดำเนินงาน

องค์กรที่สนใจรับคำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ IBM Maximo จากบริษัท ทริปเปิลดอท คอนซัลติ้ง สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อทีมงานได้ที่

https://www.tripledotconsult.com/maximo

https://www.facebook.com/tripledotconsulting/

Email: info@tripledotconsult.com

Telephone: +662-610-3104