HPE เผย 5 เทรนด์ ด้านระบบเครือข่ายที่ผู้นำธุรกิจและเทคโนโลยีควรจับตามองในปี 2024 ที่รวมไปถึงการคาดการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการหายไปของระบบ Standalone Firewall การนำหลักการ Zero Trust และการรักษาความปลอดภัยมาใช้ ความสำคัญของความพึงพอใจของผู้ใช้งาน การพัฒนา Wi-Fi 7 รวมถึงบทบาทที่สำคัญมากขึ้นของระบบ AI ต่อแวดวง IT
การคาดการณ์ที่ 1: การหายไปของ Standalone Firewall
การทำงานแบบ Hybrid และการนำอุปกรณ์ IoT มาใช้มากขึ้นอย่างแพร่หลาย เป็นการทะลายขอบเขตของเครือข่ายอย่างถาวร โดยรวมถึง Standalone Firewall ที่กำลังจะหายไปเช่นกัน เพราะการป้องกับข้อมุล “ภายใน” จาก “ภายนอก” ด้วยเพียง Firewall อันเดียวหรือ Standalone Firewall อาจไม่ได้ผลดีอีกต่อไป และการพยายามอุดช่องว่างด้วยการใช้ Firewall ที่มากขึ้นภายในองค์กรจะเพิ่มความซับซ้อน สร้างช่องว่างสำหรับข้อผิดพลาด และทำให้ธุรกิจที่ต้องการดำเนินการอย่างรวดเร็วนั้นเป็นไปได้ช้าลง
การคาดการณ์ที่ 2: หลักการ Zero trust ช่วยเชื่อมความสอดคล้องระหว่างความปลอดภัยและระบบเครือข่าย
องค์กรชั้นนำจะใช้สถาปัตยกรรมแบบ Zero Trust โดยที่งานของเครือข่ายไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในแง่ของการเชื่อมต่อสิ่งใดๆ กับสิ่งใดๆ แต่เป็นการบังคับใช้นโยบายด้านความปลอดภัย สำหรับผู้ใช้ที่เข้าถึงนโยบายความปลอดภัยของแอปพลิเคชันอาจถูกบังคับให้ใช้ในระบบคลาวด์ แต่สำหรับกระแสการรับส่งข้อมูลจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุปกรณ์ IoT และบริการที่เกี่ยวข้อง การใช้นโยบายนี้โดยอัตโนมัติในอุปกรณ์เข้าถึง เช่น Access Points, Switches และ Routers จะมีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยระดับที่เหมาะสมในการมองเห็นร่วมกัน ระบบอัตโนมัติ และการกำหนดนโยบายและการบังคับใช้ที่ชัดเจน ทีมเครือข่ายและความปลอดภัยจะมีเป้าหมายที่สอดคล้องและมอบประสบการณ์ที่ดีขึ้น
การคาดการณ์ที่ 3: การวัดผลประสบการณ์ของผู้ใช้ สิ่งจำเป็นในการขับเคลื่อนความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน
เพื่อส่งมอบสิ่งที่พนักงานและลูกค้าคาดหวัง องค์กรไอทีจะต้องเปลี่ยนไปใช้ SLO และ SLA ตามประสบการณ์ผู้ใช้ที่วัดผลได้ เพราะโดยส่วนใหญ่ผู้ใช้ไม่สนใจว่ามีอะไรผิดพลาด แต่พวกเขามักมุ่งเน้นไปที่สิ่งง่ายๆ เพียงอย่างเดียว คือ แอปพลิเคชันที่ใช้นั้นทำงานได้ดีหรือไม่ และความพึงพอใจของผู้ใช้จะลดลงเมื่อพบปัญหาเป็นอันดับแรก จากนั้นฝ่ายไอทีจะปฏิเสธพร้อมรายงานว่าอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมใช้งานและทำงานได้อย่างถูกต้อง
การคาดการณ์ที่ 4: การใช้งาน 6GHz Wi-Fi จะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เป็นอุปสรรคที่ชะลอการใช้งาน Wi-Fi ในคลื่นความถี่ 6GHz จะถูกขจัดออกไปในพื้นที่ส่วนใหญ่ และการนำไปใช้จะเริ่มมากขึ้น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา Wi-Fi 6E ได้เปิดตัวการรองรับย่านความถี่ 6GHz ซึ่งเพิ่มความจุ Wi-Fi มากกว่าสองเท่า ทำให้มีผู้ใช้มากขึ้นและความเร็วที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ได้มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในบางอุสาหกรรม ในขณะที่บางอุสาหกรรมก็มีความระมัดระวังมากขึ้น แต่ในปี 2024 สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการนำไปใช้ในวงกว้างจะได้รับการแก้ไข
การคาดการณ์ที่ 5: AI จะช่วยลดภาระของพนักงาน IT ให้เหนื่อยน้อยลง
เนื่องจากภาระที่เพิ่มขึ้นในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วยจำนวนพนักงานคงที่หรือลดลง หมายความว่าผู้ดูแลระบบแต่ละคนมีงานที่ต้องจัดการมากขึ้น ในขณะเดียวกันระบบ AI และระบบอัตโนมัติก็กำลังก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้วิธีการทำงานเปลี่ยนไปจากการจัดการและกำหนดค่าอุปกรณ์แต่ละเครื่องเป็นการกำหนดนโยบายทั่วทั้งพื้นที่ผ่านนโยบายที่สามารถนำไปใช้โดยอัตโนมัติและสม่ำเสมอ นอกจากนี้ AI ยังสามารถรวบรวมข้อมูลปริมาณมหาศาลเพื่อระบุความผิดปกติและแนะนำวิธีแก้ไข (และแม้กระทั่งนำไปปฏิบัติ) และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า AI จะทำงานได้ดีเท่ากับชุดข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปเท่านั้น ดังนั้นยิ่งชุดข้อมูลมีขนาดที่ใหญ่และมีคุณภาพสูงจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการดำเนินงาน