เพื่อที่จะสร้างระบบไอทีให้มีความราบรื่นและตอบสนองการดำเนินธุรกิจได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยสถาปัตยกรรมในดาต้า เซ็นเตอร์ที่มีองค์กรประกอบต่างๆ เข้ามาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบคอมพิวติ้ง (เซิร์ฟเวอร์), ระบบสตอเรจการจัด เก็บข้อมูล และอุปกรณ์ในการเชื่อมโยงระหว่างเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจให้ทำงานร่วมกันได้
แต่อย่างไรก็ตาม สถาปัตยกรรมเหล่านี้ มีอุปกรณ์จำนวนมากเข้ามาต่อเชื่อมและมีการคอนฟิกค่าต่างๆ ที่ยากต่อการทำ งาน และการใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ รวมกันกลายเป็นความซับซ้อนสำหรับผู้ดูแลระบบ ทำให้เสียเวลาและงบ ประมาณเกินความจำเป็น สุดท้ายก็ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ !
Lenovo ได้มองเห็นถึงความจำเป็นในจุดนี้ จึงได้พัฒนาระบบใหม่เพื่อเข้ามาแก้ไขและจัดการปัญหาความซับซ้อนของ สถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม โดยเรียกว่าระบบ HyperConverged System มีผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า Lenovo HX Series ประกอบด้วยรุ่น HX3310, HX5510 และ HX7510
เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับองค์กร
Lenovo HX Series มาพร้อมกับคอมโพเนนท์ที่สำคัญ เริ่มต้นตั้งแต่หน่วยประมวลผลกลาง โดยใช้ขุมพลังจาก Intel ใน ตระกูล Xeon E5 เวอร์ชัน 4 ที่ให้คุณอัพเกรดซีพียูได้สูงถึง 44 คอร์ รองรับเวิร์กโหลดหนักๆ ได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะเป็นระบบแอ พพลิเคชั่นแบบ ERP หรือการจัดการ Big Data ก็ได้เช่นกัน หน่วยความจำที่สูงสุดถึง 768 กิกะไบต์ และหากองค์กรใดที่ ต้องการเพิ่มความเร็วของสตอเรจ HX Series ก็ยังสามารถที่จะให้คุณเลือกใช้โซลูชันดิสก์แบบ SSD (Solid State Disk) เพิ่มเติม รองรับงานที่ต้องการเรียกใช้ข้อมูลสูงๆ ได้เป็นอย่างดี
ระบบ HyperConverged ที่สมบูรณ์แบบ
HX Series เป็นระบบ HyperConverged ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ โดยมีองค์กรประกอบของสถาปัตยกรรมในการใช้งาน ดาต้าเซ็นเตอร์เข้ามาไว้ในตัวเพียงหนึ่งเดียว กล่าวคือ โซลูชันนี้ทำงานเป็นทั้ง Server, Storage และ SAN Switch ภายในเครื่องเดียว โดยทำงานผ่านทางซอฟต์แวร์ไฮเปอร์ไวเซอร์อัจฉริยะจาก Nutanix ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับทาง Lenovo อย่างแนบแน่น
ทั้งนี้การใช้ HX Series ก็จะช่วยให้องค์กรขจัดปัญหาในส่วนของความซับซ้อนลงไปได้อย่างทันที เพราะทุกอย่าง ประสานการทำงานเพียงหนึ่งเดียว เจ้าหน้าที่ก็ทำงานง่ายและสามารถดีพลอยระบบได้รวดเร็ว จากเดิมกว่าจะคอนฟิก เพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้กินเวลานานเกือบวัน แต่ HX Series สามารถติดตั้งจัดการและสร้างเวอร์ชวล แมนชีนได้ ภายในเพียงแค่ 1 ชั่วโมง
สำหรับระบบซอฟต์แวร์ไฮเปอร์ไวเซอร์ ที่มีมาให้นั้นจะเป็นุร่น Nutanix Acropolis Hypervisor ซึ่งเท่ากับว่าลูกค้าผู้ใช้ งานไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มในการซื้อระบบไฮเปอร์ไวเซอร์ในการสร้างเวอร์ชวลแมชชีนเลย (แต่อย่างไรก็ตามหากองค์กรที่คุ้นเคยกับการใช้งานไฮเปอร์ไวเซอร์รุ่นอื่นๆ ทาง Lenovo ก็มีออปชันให้เลือก ซึ่่ง HX Series สามารถที่จะสนับสนุนการทำงานได้ทั้ง VMware ESXi และ Microsoft Hyper-V 2012 R2)
นอกเหนือจากซอฟต์แวร์ตัวไฮเปอร์ไวเซอร์ที่ติดตั้งมาให้ฟรีแล้ว Lenovo ยังเพิ่มฟีเจอร์อย่าง Lenovo XClarity ซึ่งเป็น ซอฟต์แวร์ในการตรวจสอบและมอนิเตอร์ระบบที่อยู่ภายใน ทำให้ผู้ดูแลระบบทำงานได้ง่ายมากขึ้น และประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อซอฟต์แวร์ เพื่อมอนิเตอร์ระบบด้วย
อรรถประโยชน์สูงสุดสู่องค์กร
ด้วยการผนึกรวมกันระหว่างสุดยอดฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ช่วยในการสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่องค์กร ใน หลายๆ ด้านด้วยกัน อาทิเช่น :
– การบริหารจัดการโครงสร้างอินฟราสตรัคเจอร์ที่ง่ายขึ้น : ระบบแบบ HyperConverged ในผลิตภัณฑ์ Lenovo HX Series ช่วยให้การจัดการเรื่องของความยากและความซับซ้อน ในการอิมพลีเมนต์และการจัดการโครงสร้างอินฟราสตรัคเจอร์แบบดั้งเดิมให้ง่ายขึ้นหลายเท่าตัว
– ระบบที่มีเสถียรภาพอย่างที่สุด : องค์กรธุรกิจส่วนใหญ่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบเซิร์ฟเวอร์ที่มีเสถียรภาพสูง ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ของ Lenovo เองก็การันตีได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานโดยได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง ของกลุ่ม x86 Server ซึ่งจัดอันดับโดยทาง ITIC 2015-2016 Global Server Hardware and OS Reliability Survey นั่นจึงทำให้ระบบ HX Series มีเสถียรภาพที่สุด
– บริการและสนับสนุนที่ยอดเยี่ยม : ระบบการให้บริการสนับสนุนนั้น เป็นทีมงานในการบริหารจัดการที่มีความสามารถสูง สามารถเข้าใจในเรื่องผลิตภัณฑ์ Lenovo HX Series เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำงานร่วมกับทาง Nutanix ในการให้คำปรึกษาเรื่องซอฟต์แวร์ไฮเปอร์ไวเซอร์ ซึ่งสามารถบริการได้ตั้งแต่ต้นจนจบ จึงทำให้องค์กรอุ่นใจในการบริการได้อย่างดี
หากท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Lenovo HX Series ทั้งหมดสามารถเข้าไปดูได้ที่ http://shop.lenovo.com/us/en/systems/converged-systems/hx_series/