ฟิตบิท ผู้นำอุปกรณ์แวร์เอเบิลระดับโลก ประกาศวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ รุ่นใหม่ล่าสุดของสมาร์ทวอทช์ยอดนิยมในตระกูล Fitbit Versa ในรุ่น Versa 2 ที่มุ่งการนำเสนอดีไซน์ที่ออกแบบอย่างสวยงาม มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง Sleep Score และ Smart Wake ซึ่งเป็นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับการมีสุขภาพดี การออกกำลังกาย รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตที่ง่ายดายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Versa 2 ยังเปิดตัวด้วยไมโครโฟนในตัวเครื่อง เพื่อให้สามารถใช้งานผ่านเสียงกับ Amazon Alexa ได้เป็นครั้งแรก รวมไปถึงแอปพลิเคชันแห่งเสียงเพลงอย่าง Spotify เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการเล่นดนตรีผ่านแอปได้จากเครื่อง และยังมาพร้อมกับ Fitbit Pay
สิ่งที่ทำให้ ฟิตบิท Versa 2 แข็งแกร่งมากก็คือฟีเจอร์ฟังก์ชันที่ตรวขสุขภาพการนอนของคุณ ไม่ว่าจะเป็น
Sleep Score: ผู้ใช้สามารถดูคะแนนด้านการนอนหลับได้ในแอปพลิเคชัน Fitbit เพื่อตรวจสอบข้อมูลด้านคุณภาพการนอนของตนเอง โดยคะแนนเหล่านี้จะมาจากการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ ความกระสับกระส่ายในช่วงเวลานอน เวลาที่ตื่นและระดับการนอนหลับ หรือ Sleep Stage และ ผู้ใช้ยังสามารถสมัครสมาชิก Fitbit Premium หากต้องการดูรายละเอียดเรื่อง Sleep Score ที่มากขึ้น
Smart Wake: สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์ทุกรุ่นเร็วๆ นี้ โดยฟีเจอร์ Smart Wake นี้ จะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยปลุกคุณให้ตื่นเมื่อถึงเวลาตื่นที่เหมาะสม เมื่ออยู่ในช่วง Light หรือ REM ของการนอนหลับ โดยจะปลุกจากการตั้งค่าและจะเว้นช่วงครั้งละ 30 นาที เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นได้
Sleep Mode: เมื่อตั้งการใช้งานในโหมดนี้ เครื่องจะหยุดการทำงานของการแสดงค่าบนหน้าจอและปรับการตั้งค่าเตือนให้อยู่ในโหมดเงียบ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ถูกรบกวนตลอดคืน Sleep Mode ยังสามารถใช้งานได้ ทุกๆ ครั้งที่ผู้ใช้ไม่ต้องการการรบกวน เช่นเมื่อกำลังประชุมหรือออกกำลังกาย
Estimated Oxygen Variation Graph: อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะสามารถให้บริการได้ในเร็วๆ นี้ เป็นกราฟแสดงผลที่ช่วยให้ผู้ใช้เห็นระดับอ็อกซิเจนในเลือดของตนเอง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกวัดด้วยเซ็นเซอร์เรดและอินฟราเรดที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง การรู้ค่าอ็อกซิเจนในเลือดในระยะสั้นจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเรื่องการหายใจขณะนอนหลับได้มากขึ้น
และสำหรับงานนี้ทางฟิตบิทยังได้แนะนำเซอร์วิสอีกหนึ่งรายการซึ่งก็คือ Fitbit Premium โดยเป็นลักษณะโปรแกรมเทรนเนอร์คอยช่วยเหลือผู้ใช้งาน โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกพร้อมทั้งความเชี่ยวชายทางด้านการแพทย์ เพื่อสร้างเป็นโปรแกรมสำคัญ อาทิ แนวทางการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ การสร้างนิสัยสำหรับการนอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ การเพิ่มความแอคทีฟ แนะแนวฝึกฝนการวิ่ง การนับแคลอรี่ แนะแนวสำหรับลดการบริโภคน้ำตาลและเกลือ เป็นต้น สำหรับ Fitbit Premium จะมีค่าบริการ ในราคาสมาชิกที่ 300 บาทต่อเดือน หรือ 2,500 บาทต่อปี