มร. เหริน เจิ้งเฟย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง หัวเว่ย กล่าวว่า เขาจะปฏิเสธคำขอเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานของบริษัทจากรัฐบาลจีน “อย่างเด็ดขาด”
หัวเว่ยจะไม่ยินยอมให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลลูกค้า แม้รัฐบาลจะร้องขอก็ตามประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ยกล่าวย้ำเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสกดดันทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน
มร. เหริน เจิ้งเฟย ซึ่งน้อยครั้งจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับข้อกังวลต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ออกมาเตือนว่า อุปกรณ์โทรคมนาคมของบริษัทอาจเปิดช่องให้รัฐบาลจีนเข้าถึงช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ (Backdoor)เพื่อเข้าไปยังระบบเครือข่ายโทรคมนาคมของประเทศ
“เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัยด้านไซเบอร์และการปกป้องความเป็นส่วนตัว เรายืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าของเรา เราจะไม่ทำสิ่งที่เป็นภัยต่อประเทศหรือประชาชนคนใด”มร. เหริน กล่าว “ค่านิยมสำหรับองค์กรธุรกิจนั้นคือ การคำนึงถึงลูกค้าเป็นอันดับแรกและยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เราเองซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจจึงต้องปฏิบัติตามกฎกติกาในการทำธุรกิจด้วยเช่นกัน
ล่าสุด หัวเว่ย ต้องเผชิญกับปัญหาความกดดันระดับโลกที่ถาโถมเข้ามา ไม่ว่าจะถูกแบนไม่ให้ขายอุปกรณ์ในสหรัฐอเมริกามานานหลายปี จนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประเทศอื่น ๆ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น พากันกีดกันบริษัทไม่ให้จำหน่ายส่วนประกอบสำหรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่แห่งยุคอนาคต หรือที่รู้จักกันว่าเทคโนโลยี 5G
ในขณะที่เมิ่ง หว่านโจว ลูกสาวของมร.เหรินและดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของหัวเว่ย ก็ถูกจับกุมที่แคนาดาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตามคำขอร้องของทางการสหรัฐอเมริกา นางเมิ่งถูกจับกุมในข้อหาฉ้อโกงเกี่ยวกับการทำธุรกรรมโดยมิชอบซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่ออิหร่าน
“สำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ในฐานะคนคนหนึ่ง ผมก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยม”
ในขณะเดียวกันที่โปแลนด์ หน่วยงานด้านกฎหมายได้จับกุมผู้บริหารของหัวเว่ย ด้วยข้อกล่าวหาว่าเขาได้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคนหนึ่ง สร้างวิธีการที่จะสืบข้อมูลของรัฐบาลโปแลนด์ผ่านอุปกรณ์ของบริษัทในโปแลนด์ แต่ มร.เหริน ก็ยังกล่าวชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
“สำหรับประธานาธิบดีทรัมป์ในฐานะคนคนหนึ่ง ผมก็ยังเชื่อว่าเขาเป็นประธานาธิบดีที่ยอดเยี่ยม” มร.เหริน กล่าว “ในแง่ที่ว่าเขากล้าที่จะหั่นมาตรการภาษี และผมคิดว่ามันมีส่วนช่วยให้การพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ให้เติบโตก้าวหน้าไปได้”
รายงานข่าวจาก CNBC