การฝึกเขียนโปรแกรมสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องไปเทคคอร์สหรือสมัครเรียนตามมหาวิทยาลัยให้เสียเวลาอีกต่อไป เมื่อมีบทเรียนสำเร็จรูปที่เข้าใจและเรียนรู้ตาม แม้กระทั่งฝึกเขียนแบบออนไลน์ได้ง่ายเต็มไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ภาษายอดนิยมในการไต่เต้าในสายอาชีพอย่าง Python ขอแค่มีคอมพิวเตอร์ที่ต่อเน็ตได้เท่านั้น และเว็บไซต์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ภาษา Python ที่ดีที่สุดได้แก่
1. Python Class ของกูเกิ้ล
เป็นเว็บที่เหมาะสำหรับผู้เรียนที่มีพื้นฐานหรือประสบการณ์มาบ้างแล้ว เต็มไปด้วยแนวคิดต่างๆ ของ Python ในรูปที่เข้าใจได้ง่ายพร้อมตัวอย่างประกอบ โดยเฉพาะตัวอย่างที่นำไปต่อยอดได้จริง และสานต่อความเข้าใจภาษา Python ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเนื้อหายังมีให้ในหลายรูปแบบ ทั้งอีบุ๊กและวิดีโอสอน เปิดทางเลือกให้ผู้เรียนตามที่ตัวเองชอบได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังมีแบบฝึกหัดให้วัดความเข้าใจในแต่ละหัวข้ออีกด้วย
2. Python.org
เป็นเว็บหลักสำหรับอ้างอิงความถูกต้องเวลาเจอปัญหาหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Python โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นเว็บทางการที่มีเอกสารที่ใช้เป็นแหล่งอ้างอิงสากลสำหรับชาว Python ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีบทเรียนออนไลน์ให้คนที่สนใจศึกษาหลักการเบื้องต้นของ Python ไปจนถึงเนื้อหาขั้นสูงอย่างไลบรารีและโมดูลต่างๆ
3. Code Academy
ตัว Code Academy เองเป็นเว็บสำหรับบริการบทเรียนสำหรับภาษาโปรแกรมมิ่งหลากหลายภาษาอยู่แล้วเอื้อกับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ที่มีประสบการณ์มาแล้ว เป็นเนื้อหาที่ถูกเรียบเรียงให้อยู่ในรูปที่เข้าใจได้ง่าย สำหรับส่วนของภาษา Python นั้น จะเริ่มตั้งแต่ชุดคำสั่งหรือ Syntax โดยเปิดให้ผู้เรียนสามารถแก้ไขและรันโค้ดบนเว็บไซต์ได้โดยตรง โดยไม่ต้องหาโหลดโปรแกรมหรือแพลตฟอร์มสำหรับรันโค้ดบนเครื่องต่างหาก
4. TutorialsPoint
เป็นเว็บยอดนิยมที่มีบทเรียนเกี่ยวกับภาษาโปรแกรมมิ่งมากมายเช่นเดียวกัน ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นเบสิกไปจนถึงขั้นสูง โดยอธิบายวิธีติดตั้งแพลตฟอร์มสำหรับเขียนและรันโค้ด Python บนเครื่องตัวเอง ไปจนถึงชุดคำสั่ง ฟังก์ชั่นต่างๆรวมทั้งยังสอนวิธีสร้างเว็บแอพพลิเคชั่น การจัดการฐานข้อมูล จนกระทั่งการเขียนเกมส์จากภาษา Python ด้วย
5. LearnPython.org
เป็นเว็บที่นอกจากไว้เรียนวิธีเขียนโค้ดแล้ว ยังเปิดให้เขียนและฝึกรันโค้ดผ่านเว็บบราวเซอร์ได้ด้วย โดยมีตัวแปลงภาษาบนเว็บแบบบิวท์อินให้เลย สำหรับบทเรียนนั้นก็มีให้ตั้งแต่ขั้นเริ่มต้น พร้อมแบบฝึกหัดท้ายบทเรียนแต่ละหัวข้อ
ที่มา : Technotification