อุตสาหกรรมไอทีมีสิ่งที่เรียกว่า “ความซับซ้อนของการเปลี่ยนเทคโนโลยี” ที่ทำให้เหล่าเจ้าของกิจการและผู้จำหน่ายรายใหญ่ต่างมีแนวโน้มที่จะอ้างว่าเทคโนโลยีใหม่ของตัวเองจะเข้ามาแทนที่ทุกอย่างที่เคยใช้ก่อนหน้านี้
อย่างเช่น การประชุมผ่านวิดีโอก็คาดว่าจะเข้ามาแทนที่การเดินทางเพื่อธุรกิจ คลาวด์ก็คาดว่าจะใช้แทนที่ดาต้าเซ้นเตอร์ที่ยุ่งยากได้ เหล่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมตอนนี้ต่างก็ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 5G จะมา “แทนที่” Wi-Fi ได้
เทคโนโลยี 5G
5G นับเป็นเทคโนโลยีสำคัญ ที่นอกจากความเร็วที่มากขึ้นแล้ว ยังให้ Latency ที่ต่ำ มีศักยภาพสูง และอัตราการรับส่งข้อมูลที่เยอะกว่ามาก เรียกได้ว่า 5G เป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่จาก 4G จนนำไปสู่การเชื่อมต่อยุคใหม่
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่เพียงแค่เราน่าจะยังไม่ได้เห็นการนำ 5G มาใช้ประโยชน์อย่างเต็มรูปแบบในช่วงไม่กี่ปีหน้าเท่านั้น แม้จะใช้ 5G แล้วก็ยังไม่สามารถมาแทนที่ Wi-Fi ได้อย่างสมบูรณ์ด้วย ลองนึกถึงเวลาที่คุณกำลังเดินทางไปทำงาน
แล้วธุรกิจของคุณยังต้องใช้แอพพลิเคชั่นสำคัญที่อยู่ในดาต้าเซ็นเตอร์ Wi-Fi ก็ยังเป็นเครือข่ายสำคัญสำหรับทั้งผู้บริโภคและธุรกิจทั่วโลกอยู่ดี ดังนั้น ท่ามกลางการแย่งชิงลูกค้าของผู้จำหน่ายทั้งหลาย ก็ยังในความเป็นจริงไม่พ้นที่ว่า
เทคโนโลยี Wi-Fi 6
ทั้ง 5G และมาตรฐานไร้สายล่าสุดอย่าง Wi-Fi 6 จะเข้ามามีบทบาททั้งคู่ในการสร้างประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้ปลายทางที่ทรงพลังในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน เรียกว่าเทคโนโลยีทั้งสองนี้มีหน้าที่และบทบาทแตกต่างกันไป
ตัวอย่างเช่นบางกรณีที่ Wi-Fi มีบทบาทเหนือกว่าหรือแม้กระทั่งเป็นเทคโนโลยีที่ครองตลาดได้อย่างแนบแน่น อย่างกิจกรรมที่ใช้แบนด์วิธสูงมากเช่นการแข่งอีสปอร์ต หรือการวางแผนการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์
บทสรุป
ทั้งสองสถานการณ์ต่างให้ความสำคัญกับแบนด์วิธ โครงสร้างพื้นฐานที่มีความเสถียรสูง และ latency ที่ต่ำ เนื่องจากว่า Wi-Fi ใช้ความถี่สูงจึงมีความเร็วกว่าและเสถียรมากกว่าสำหรับงานอย่างเช่นการสตรีมมิ่งวิดีโอหรืออัพโหลดข้อมูล หรือไฟล์ขนาดใหญ่
จะเป็นเหตุผลที่ทำไมตามโรงเรียนต่างๆ อย่างเช่นที่ SUNY Canton และ McMinn County School เลือกเครือข่าย Wi-Fi ในการให้บริการการเรียนการสอน มันต้องเหลือจากเรื่องแบนด์วิธแล้ว Wi-Fi ยังให้ความสามารถ
ด้านการวิเคราะห์และความปลอดภัยเหนือกว่า 5G และสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่แล้ว Wi-Fi ยังถือเป็นจุดให้บริการลูกค้าด่านแรกที่สร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในร้านขายของชำหรือโรงพยาบาลก็ตาม
หนึ่งในประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการบริการเครือข่าย Wi-Fi ของตัวเองคือ ความสามารถในการมองเห็นข้อมูลเชิงลึกของเครือข่ายและแอพพลิเคชั่นแบบเรียลไทม์ อย่างเช่นร้านค้าปลีกสามารถวิเคราะห์การใช้ไวไฟเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้เข้ามาจับจ่ายใช้สอยได้
ที่มา : Networkcomputing