จากกระแสการทำงานจากบ้าน การใช้งาน IoT ที่มากขึ้น พร้อมกับการที่ทีมงานด้านไอทีอยู่กระจายห่างกันเป็นจำนวนมากนั้น ทำให้หลายคนเริ่มมองระบบเน็ตเวิร์กผ่านคลาวด์ แม้องค์กรส่วนใหญ่มักพึ่งพาแอพบนคลาด์อย่างน้อยหนึ่งตัว
ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Office 365, Salesforce, Dropbox หรือ Slack ขณะที่ฝ่ายไอทีก็เริ่มย้ายระบบประมวลผลและสตอเรจไปใช้บริการบนคลาวด์แทนบ้างแล้วด้วย แต่เราก็ยังจัดการและปรับแต่งเครือข่ายแบบเดิมๆ กันอยู่
ไม่ว่าจะเป็นการใช้อุปกรณ์ที่ตั้งอยู่ภายในองค์กร ที่ติดตั้งอย่างง่ายๆ ที่ต้องอาศัยการจัดการต่างๆ จนเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากรของฝ่ายไอที แต่ด้วยคลาวด์เน็ตเวิร์กกิ้งนั้น จะช่วยปลดล็อกองค์กรทั้งหลายในด้านต่างๆ ซึ่งทาง Aruba (อรูบ้า) ได้หยิบยกมาให้ดูประมาณ 5 ข้อ
1. ช่วยนำเสนอบริการอัจฉริยะที่ Edge ได้เร็วขึ้น จากการที่ลูกค้าและพนักงานต่างต้องอาศัยเครือข่ายที่เสถียรไม่ว่าจะทำงานจากบ้าน ร้านค้า โรงงาน หรือห้องปฏิบัติการก็ตาม
2. ประหยัดเวลาและทรัพยากรด้านไอที โดยอำนวยความสะดวกให้ทีมไอทีได้ เพียงแค่ติดตั้งแอคเซสพอยต์ สวิตช์ และเกตเวย์ตามสำนักงานสาขาต่างๆ แล้วตั้งค่าเครือข่ายและความปลอดภัยจากศูนย์กลางได้ผ่านคลาวด์
3. ทำให้การจัดการเน็ตเวิร์กง่ายขึ้น ฝ่ายไอทีไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครือข่ายเหมือนก่อน ด้วยฟีเจอร์แบบ AIOps และอนาไลติกที่เข้ามาช่วยตรวจสอบพฤติกรรมผู้ใช้และแอพพลิเคชั่นอย่างต่อเนื่อง
4. ติดตั้งความสามารถของเน็ตเวิร์กใหม่ได้ง่าย เพื่อสนับสนุนธุรกิจ ด้วยลักษณะเหมือนกับบริการคลาวด์อื่นๆ ที่ให้โมเดลการบริการชัดเจนและทางเลือกที่ยืดหยุ่น จ่ายเท่าที่ใช้งาน
5. ได้ความสามารถการมองเห็นเครือข่ายทั่วทั้งองค์กร แทนที่จะต้องลงทุนกับทูลจำนวนมาก คลาวด์เน็ตเวิร์กกิ้งจะให้หน้าต่างคอนโซลหนึ่งเดียวที่สามารถเรียกดูและควบคุมเครือข่ายได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งไหนหรือเครือข่ายแบบใดก็ตาม
ที่มา : Aruba