ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2019 นั้น อุตสาหกรรมของดาต้าเซ็นเตอร์ได้เติบโตอย่างรวดเร็วหลายเท่า และเนวโน้มของการใช้ระบบไอทีแบบไฮบริดจ์ก็ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างระบบที่ตั้งภายในองค์กร, โคโลเคชั่น, และคลาวด์ไปพร้อมกัน
ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็น Artificial Intelligence, คลาวด์คอมพิวติง, บิ๊กดาต้า, และ 5G ต่างก็ทำให้เกิดการเติบโตและผลักดันความต้องการของตลาดให้เพิ่มขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว ดาต้าเซ้นเตอร์ต้องเข้ามาแก้ปัญหาด้านการก่อสร้างทั้งด้านความเร็วและขนาดของระบบรวมทั้งจัดการการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายให้ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นด้านความยืดหยุ่นของสถาปัตยกรรม และ O&M เป็นต้น ซึ่งทางหัวเหว่ยได้วิเคราะห์เทรนด์ที่เราจะมีโอกาสเผชิญหน้าในอนาคตไว้ดังนี้
1. High Density ด้วยประสิทธิภาพของซีพียูและเซิร์ฟเวอร์ที่เพิ่มมากขึ้น
2. สถาปัตยกรรมที่ปรับเปลี่ยนขนาดได้
3. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากสัดส่วนการใช้พลังงานของดาต้าเซนเตอร์ที่คิดเป็น 3% ของโลก
4. การพัฒนาอย่างรวดเร็ว
5. การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ และการนำ AI มาใช้
6. การเปลี่ยนมาเป็นระบบแบบมอดูลาร์เต็มรูปแบบ เพื่อแก้ปัญหาการก่อสร้างที่ช้า และเงินลงทุนครั้งแรกที่มากเกินไป
7. การปรับรูปแบบของแหล่งพลังงานให้เรียบง่ายมากขึ้น โดยจะพบการใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมกันอย่างแพร่หลาย
8. การผสานระบบเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างระบบทำความเย็นแบบใช้ของเหลว และแบบที่ใช้ลมเย็น โดยเน้นการทำเย็นแบบระเหยทางอ้อมมากขึ้น ลดการใช้ระบบทำเย็นด้วยน้ำเย็นลง
9. มีการเชื่อมระหว่างกันแบบไดนามิกระหว่าง Bit และ Watt
10. ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ที่มา : DCD
