จากสัปดาห์ก่อนที่มีรายงานว่า พบแฮ็กเกอร์ที่ขโมยเงินมูลค่ากว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากธนาคาร Far Eastern International ในไต้หวัน ด้วยการฝังมัลแวร์เข้าไปในเซิร์ฟเวอร์ของธนาคาร ผ่านทางระบบโอนเงินต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดอย่าง SWIFT
โดยเมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่แล้วนั้น Far Easten ได้ยอมรับเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเกิดขึ้นจริง ซึ่งทำให้แฮ็กเกอร์ได้รหัสผ่านสำหรับสั่งโอนเงินออกไปยังบัญชีของตนเองที่กระจายไปทั้งในอเมริกา, กัมพูชา, และศรีลังกา อันเป็นเหตุให้ผู้นำไต้หวันอย่าง William Lai ออกโรงสั่งการให้ทบทวนระบบป้องกันความปลอดภัยข้อมูล และออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อยับยั้งเหตุลักษณะดังกล่าวในอนาคต
ขณะที่ทางหน่วยสืบสวนกลางของไต้หวันหรือ CIB ได้เข้ามาจัดการพร้อมประสานตำรวจสากล จนสามารถกู้คืนเงินที่หายไปส่วนใหญ่ได้ และจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสองรายในศรีลังกา โดยหนึ่งในนั้นเป็นประธานบริษัท Litro Gas ชื่อ Shalila Moonesinghe ซึ่งถูกจับเนื่องจากพบเงินส่วนหนึ่งที่โดนจารกรรมอยู่ในบัญชีส่วนตัวของตนเอง
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทาง CIB ยังออกตามล่าผู้ต้องสงสัยรายที่สามอยู่ โดยเหตุครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการฝังมัลแวร์บนเครือข่าย SWIFT เพื่อขโมยเงินโอน ซึ่งเมื่อต้นปีก่อนนั้นก็มีกรณีที่แฮ็กเกอร์ขโมยเงินจำนวนกว่า 81 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบัญชีของธนาคารกลางบังกลาเทศที่เก็บไว้ที่ธนาคารกลางของนิวยอร์กด้วยวิธีคล้ายกันนี้
ที่มา : https://thehackernews.com/2017/10/swift-bank-hacking.html
