ปัจจุบันเครือข่ายไร้สายแบบ WiFi ได้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบเครือข่ายที่มีความจำเป็น และมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกองค์กร ดังนั้นเครือข่าย Wi-Fi จึงต้องสามารถให้บริการการเชื่อมต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์แม้ในยามที่มีผู้ใช้งานอยู่อย่างหนาแน่นในจุดต่างๆ พร้อมทั้งมีความเสถียร ปลอดภัย ใช้งานได้ง่าย และมีประสิทธิภาพ
มีความเสถียร
ปัญหาหนึ่งที่องค์กรต่างๆ มักเผชิญในการใช้งานระบบเครือข่ายไร้สายในองค์กรก็คือความแตกต่างหลายหลากของเครื่องลูกข่ายที่ถูกนำมาใช้งาน และความหนาแน่นของการใช้งานเครือข่ายไรสายในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งการทำให้มั่นใจว่าเครื่องลูกข่ายของระบบเครือข่ายไร้สายทั้งหมดจะได้รับระดับของบริการตามที่ต้องการคือสิ่งท้าทายที่สำคัญ
Aruba ตระหนักถึงปัญหาด้านความเสถียรของระบบเครือข่ายไร้สาย และความหลากหลายของเครื่องลูกข่ายข้างต้น จึงนำเสนอโซลูชันที่ทำให้ระบบเครือข่ายไร้สายขององค์กรมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยการผสมผสานผลิตภัณฑ์แอ็กเซสพอยต์ที่รองรับมาตรฐาน 802.11ac Wave 2 ซึ่งมีความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูลถึง 1.7 กิกะบิตต่อวินาทีเข้ากับโมบิลิตี้คอนโทรลเลอร์ และเทคโนโลยี ClientMatch ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการ ArubaOS 6.3.0 และในเวอร์ชั่นที่สูงกว่า ซึ่งคอยทำหน้าเช็คข้อมูลการเชื่อมต่อระหว่างเครื่องลูกข่ายกับแอ็กเซสพอยต์อยู่ตลอดเวลา เพื่อช่วยให้เครื่องลูกข่ายสามารถเลือกเชื่อมต่อกับแอ็กเซสพอยต์ ที่ให้สัญญาณและความเร็วที่ดีที่สุดเสมอ และช่วยขจัดปัญหาการที่เครื่องลูกข่ายถูกผูกติดกับแอ็กเซสพอยต์ตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป
โดยคุณสมบัติเด่นของ ClientMatch ได้แก่
– บังคับให้ใช้ความถี่ที่สูงกว่าโดยอัตโนมัติ : ในกรณีที่แอ็กเซสพอยต์ทำงานแบบ 2 คลื่นความถี่วิทยุ คือ 2.4 และ 5 กิกะเฮิรตซ์ ClientMatch จะตรวจเช็คคุณสมบัติของเครื่องลูกข่ายที่พยายามเชื่อมต่อว่ารองรับความถี่ 5 กิกะเฮิร์ตซ์ถ้ารองรับก็จะให้แอ็กเซสพอยต์ส่งสัญญาณที่ความถี่ 5 กิกะเฮิร์ตซ์ให้ไปให้เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด เนื่องจากความถี่ 5 กิกะเฮิร์ตซ์ปลอดจากสัญาณรบกวนที่ดีกว่า มีการรบกวนกันของสัญญาณน้อยกว่าและความถี่ 5 กิกะเฮิร์ตซ์มีช่องสัญญาณให้ใช้งานมากกว่าเมื่อเทียบกับความถี่ 2.4 กิกะเฮิรต์
– สั่งให้เครื่องลูกข่ายไปใช้แอ็กเซสพอยต์ที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ : ระบบจะเฝ้าติดตามดูสถานะการทำงานของเครื่องลูกข่าย และบังคับให้เครื่องลูกข่ายไปใช้งานแอ็กเซสพอยต์ที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เมื่อเครื่องลูกข่ายพยายามเชื่อมต่อกับแอ็กเซสพอยต์ที่มีการใช้งานหนาแน่น หรือมีสัญญาณอ่อนลง ClientMatch ก็จะใช้การบังคับเครื่องลูกข่ายให้ไปเชื่อมต่อกับแอ็กเซสพอยต์ตัวอื่นที่ว่างอยู่ หรือมีประสิทธิภาพมากกว่า
– ปรับเปลี่ยนการทำสมดุลโหลดได้ : เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการใช้งานช่องสัญญาณ หรือแอ็กเซสพอยต์ตัวเดียวมากเกินไป ClientMatch จะกระจายเครื่องลูกข่ายให้ทำงานตามช่องสัญญาณ และแอ็กเซสพอยต์ต่างๆ ในพื้นที่อย่างทั่วถึง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องลูกข่าย และป้องกันไม่ให้มีการใช้งานแอ็กเซสพอยต์ตัวใดตัวหนึ่ง หรือช่องสัญญาณใดมากเกินไป
ขณะเดียวกัน ClientMatch ยังสามารถมองเห็นชนิดของอุปกรณ์ปลายทาง (Device type) รู้ตำแหน่งของอุปกรณ์ปลายทางว่าใช้งานผ่านแอ็กเซสพอยต์ตัวไหน (Location) สามารถตรวจสอบการเชื่อมต่อระหว่างแอ็กเซสพอยต์กับอุปกรณ์ปลายทางเพื่อตรวจความหนาแน่นในการใช้งานแอ็กเซสพอยนต์แต่ละตัวได้ (Congestion) รวมถึงสามารถจัดการการรบกวนกันของคลื่นเพื่อป้องกันการชนกันของสัญญาณ (Interference) ได้อีกด้วย
มีความปลอดภัย
ปัจจุบันเพื่อให้การรักษาความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายมีความแข็งแกร่งมากขึ้น หลายองค์กรเริ่มมีการนำเอา Next Generation Firewall หรือ NGFW มาใช้งานมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่มักเกิดปัญหาเมื่อต้องทำงานร่วมกับระบบเครือข่ายไร้สาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบุตัวตนของผู้ใช้งานแอพพลิเคชัน เพราะตามปกติแล้วผู้ใช้งานจะพิสูจน์ตัวตนที่ระบบ NGFW หรือระบบเครือข่ายไร้สายเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ส่งผลให้ระบบที่ใช้การพิสูจน์ตัวตนสามารถติดตามการใช้งานของผู้ใช้ได้ แต่อีกระบบหนึ่งจะไม่สามารถติดตามได้ วิธีแก้ไขปัญหา คือ ต้องทำการพิสูจน์ตัวตน 2 ครั้งกับทั้ง 2 ระบบ หรือไม่ก็ต้องเขียนสคริปต์รับส่งข้อมูลพิสูจน์ตัวตนระหว่างกัน เพื่อให้ทั้ง 2 ระบบมองเห็นการใช้งานแอพพลิเคชันของแต่ละผู้ใช้ได้อย่างสมบูรณ์ซึ่งเป็นงานที่ยุ่งยากซับซ้อน
ปัจจุบัน Aruba ได้พัฒนาฟังก์ชันไฟร์วอลล์ของตนให้กลายเป็น NGFW เรียบร้อยแล้ว โดยอาศัยเทคโนโลยี AppRF 2.0 ส่งผลให้ Aruba สามารถระบุและควบคุมการใช้งานแอพพลิเคชัน พร้อมๆ กับติดตามผู้ใช้งานระบบเครือข่ายได้พร้อมกัน
ด้วยคุณสมบัติ AppRF2.0 ที่ช่วยปิดกั้นและกรองทราฟฟิกตั้งแต่ในระดับของแอ็กเซสพอยต์ ช่วยให้สามารถป้องกันทราฟฟิกต้องสงสัยได้ตั้งแต่ก่อนเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย รวมทั้งสามารถทำ Bandwidth Shaping (QoS) เพื่อให้สามารถใช้งานแอพพลิเคชันทางธุรกิจ, เสียง และวิดีโอผ่านเครือข่ายไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการควบคุมการเข้าถึงโดยอิงกับบทบาท (Role-based Access Control) และการกรองเนื้อหาบนเว็บ (Web Content Filtering) สำหรับกำหนดสิทธิ์และควบคุมการเข้าถึงระบบเครือข่ายและเว็บไซต์ของผู้ใช้แต่ละประเภทอีกด้วย
NGFW ของ Aruba มีคุณสมบัติหลัก ได้แก่
– ระบุและควบคุมการใช้งานแอพพลิเคชันได้อย่างสมบูรณ์ : ใช้เทคโนโลยี Deep Packet Inspection (DPI) ในการจำแนกประเภททราฟฟิกได้มากกว่า 1,500 แอพพลิเคชัน ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบการใช้งานแอพพลิเคชันของแต่ละผู้ใช้ หรือกลุ่มผู้ใช้ เช่น แผนก, ฝ่าย และบุคคลภายนอกได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดนโยบายรักษาความปลอดภัยเพื่อควบคุมการใช้งานแอพพลิเคชัน เช่น ปิดกั้นทราฟฟิก กำหนดลำดับความสำคัญ และจำกัดแบนวิดธ์ของแอพพลิเคชันตามผู้ใช้งานได้อีกด้วย
– การรักษาความปลอดภัยเพื่อระบบเครือข่าย และเครือข่ายไร้สายโดยเฉพาะ : Aruba ให้บริการ Stateful Firewall ที่สามารถกำหนดนโยบายรักษาความปลอดภัยตาม ชื่อผู้ใช้ ประเภทของอุปกรณ์ ตำแหน่งที่ใช้งาน และประเภทของแอพพลิเคชันได้ ซึ่งช่วยให้หลุดจากข้อจำกัดของ VLAN ที่ต้องคอยแก้ไขนโยบายรักษาความปลอดภัยบ่อยๆ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการใช้งานระบบเครือข่าย
– แยกการใช้งานของบุคคลภายนอกและแขก : Aruba รองรับการใช้งานร่วมกับบุคคลภายนอกหรือแขกโดยใช้ฟังก์ชัน NGFW ทำให้การใช้งานของบุคคลภายนอกและแขกไม่ส่งผลกระทบทางด้านความปลอดภัยกับระบบเครือข่ายภายใน และไม่จำเป็นต้องแก้ไขโครงสร้างของระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการใช้งานเหล่านั้นโดยเฉพาะ ซึ่ง NGFW จะทำหน้าที่แยกทราฟฟิกของบุคคลภายนอกหรือแขกออกจากทราฟฟิกขององค์กร และควบคุมทราฟฟิกเหล่านั้นด้วยนโยบายรักษาความปลอดภัยตามที่ผู้ดูแลระบบกำหนดได้
ใช้งานได้ง่าย
ด้วย Aruba ClearPass Onboard และ ClearPass Guest ผู้ใช้สามารถทำงานต่างๆ ได้เองอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการล็อกอินเพื่อใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ หรือการแชร์เครื่องพิมพ์และข้อมูลต่างๆ บนระบบเครือข่ายไร้สายผ่านทางอุปกรณ์พกพาได้โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลระบบอีกต่อไป
Aruba ClearPass Onboard ตั้งค่าและกำหนดค่าเริ่มต้น (Provision) อุปกรณ์พกพาไม่ว่าจะเป็น Windows Desktop, Mac OS X, iOS, Ununtu, Chormebook และ Android 2.2 เป็นต้นไป ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายขององค์กรได้อย่างมั่นคงปลอดภัย และเป็นการสนับสนุน BYOD (นโยบายการนำเอาอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงาน)
Aruba ClearPass Onboard ช่วยให้สิทธิ์พนักงาน คู่สัญญา และคู่ค้าในการตั้งค่าอุปกรณ์ของตนเองโดยอัตโนมัติเมื่อเริ่มเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย Aruba ClearPass Onboard จะตรวจสอบระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ เพื่อให้สามารถแนะนำการตั้งค่าให้แก่ผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม
โดยกระบวนการตั้งค่าเพื่อลงทะเบียนเริ่มใช้งานอุปกรณ์สามารถเลือกได้ว่าจะให้มีสปอนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ถ้ามี ขณะที่ลงทะเบียนเริ่มใช้งานจำเป็นต้องให้สปอนเซอร์ตอบรับและยืนยันก่อนจึงจะเริ่มใช้งานระบบเครือข่ายได้ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกได้ว่าจะให้พิสูจน์ตัวตนกับแอ็กทีฟไดเร็กทอรี หรือล็อกอินโดยใช้ชื่อบัญชีเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่างเช่น Facebook ได้
Aruba ClearPass Guest เป็นโซลูชันสำหรับบริหารจัดการผู้ใช้งานชั่วคราว (Guest, Visitor) ที่ให้บริการเวิร์กโฟลว์สำหรับให้ผู้ใช้ เช่น แขก ผู้รับเหมา คู่ค้า คนเดินห้าง หรือผู้ที่ชื่นชอบการเชื่อมต่อไวไฟผ่านอุปกรณ์พกพา สามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีจุดเด่นคือ สามารถใช้งานได้ง่าย ผู้ใช้มีความมั่นคงปลอดภัย และรองรับการขยายระบบในอนาคต
ระบบลงทะเบียนด้วยตนเอง (Self-registration) และระบบสปอนเซอร์ช่วยให้ผู้ใช้งานชั่วคราวสามารถสร้างชื่อบัญชีสำหรับใช้งานระบบเครือข่ายได้ด้วยตนเอง ซึ่งชื่อบัญชีและข้อมูลของผู้ใช้คนดังกล่าวจะถูกส่งไปยังสปอนเซอร์ซึ่งจะเป็นผู้ยืนยันสิทธิ์ในการเข้าใช้งานระบบเครือข่ายของผู้ใช้นั้นๆ หล่านี้สามารถทำได้โดยที่ฝ่ายไอที แผนกต้อนรับ หรือพนักงานที่เกี่ยวข้องไม่จำเป็นต้องคอยจัดการให้อีกต่อไป
หลังจากลงทะเบียนและได้รับการยืนยันสิทธิ์ในการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลสำหรับล็อกอิน เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านจะถูกส่งกลับมายังผู้ใช้ผ่านทางข้อความ SMS, อีเมล์ หรือตั๋วไวไฟ ซึ่ง Aruba ClearPass Guest สามารถกำหนดระยะเวลาที่อนุญาตให้ใช้งานเป็นชั่วโมงหรือวันได้โดยอัตโนมัติ
Aruba ClearPass Guest ถูกออกแบบมาสำหรับบริษัทขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ รวมทั้งให้บริการความมั่นคงปลอดภัย และการทำงานอัตโนมัติเพื่อรองรับผู้ใช้งานหลักพันคนได้อย่างไร้ปัญหา นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาภัยคุกคามอันเนื่องมาจากการเข้าใช้งานชั่วคราวอย่างไม่มีสิทธิ์ และความเสี่ยงอันเนื่องมาจากบุคคลเหล่านั้นลงอย่างเห็นได้ชัด
มีความชาญฉลาด
ปัจจุบันระบบเครือข่ายไร้สายมีแนวโน้มเติบโต และขยายการใช้งานออกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเพื่อตอบโจทย์จำนวนอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นตามนโยบาย BYOD รือแม้แต่การเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ให้รองรับปริมาณแบนวิธด์ที่เพิ่มสูงขึ้นตามการใช้งานของผู้ใช้ เหล่านี้ส่งผลให้ระบบเครือข่ายไร้สายขององค์กรมีความสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น การบริหารจัดการ และการเฝ้าติดตามดูเหตุการณ์ต่างๆ ย่อมทำได้ลำบาก และที่สำคัญ เมื่อระบบเครือข่ายมีปัญหา ก็จะตรวจสอบและหาสาเหตุของความผิดปกติได้ยาก ส่งผลให้แก้ปัญหาได้ล่าช้าจนอาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจได้
Aruba จึงได้พัฒนา Aruba AirWave ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถติดตามการใช้งานและบริหารจัดการอุปกรณ์ประเภทสวิตช์ ไวร์เลสคอนโทรลเลอร์ แอ็กเซสพอยต์ระดับองค์กร ส่งผลให้ผู้ดูแลระบบสามารถตั้งค่าการใช้งานและดูแลอุปกรณ์ภายในระบบเครือข่ายทั้งหมดได้ผ่านทางหน้าจอเดียว นอกจากนี้ยังสามารถสร้างเทมเพลตเพื่อใช้เป็นแม่แบบสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ประเภทเดียวกันทั้งภายในสำนักงานใหญ่หรือข้ามไปยังสำนักงานสาขาได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย
สามารถมองเห็นผังการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายทั้งหมดในรูปแบบกราฟิก
Aruba Airwave สามารถติดตามการเชื่อมต่อของผู้ใช้ทั้งผ่านระบบเครือข่ายแบบมีสาย และไร้สาย โดยแสดงผลกราฟิคบนผังอาคารได้อย่างสวยงาม ผู้ดูแลระบบสามารถดูรายละเอียดการเชื่อมต่อต่างๆ เช่น อุปกรณ์เชื่อมต่อกับแอ็กเซสพอยต์ หรือสวิตช์ตัวไหน ความแรงของสัญญาณ ระยะเวลา ความเร็ว วิธีและมาตรฐานในการเชื่อมต่อ รวมไปถึงสามารถแสดงผลตำแหน่งของอุปกรณ์ได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ Aruba AirWave ยังสามารถตามรอยการเชื่อมต่อโดยแสดงผลเส้นทางเดินของผู้ใช้งานย้อนหลังได้ถึง 24 ชั่วโมง
ด้วยความสามารถในการมองเห็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อบนระบบเครือข่ายทั้งหมด ช่วยให้ Aruba AirWave สามารถระบุตำแหน่งของความผิดปกติและตำแหน่งของอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนผู้ดูแลระบบเมื่อพบเห็นเหตุการณ์ที่สนใจหรือภัยคุกคามบนระบบเครือข่ายได้ทันที
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
และโซลูชั่นของ HPE Aruba สามารถติดต่อได้ที่
คุณณัฐ เวสชัชวาล (ผู้จัดการผลิตภัณฑ์) 094-479-9441
nat_w@synnex.co.th และ คุณสมเกียรติ์ อุดมพรพิสิฐ (ฝ่ายขาย) 090-980-5178
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
433 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
โทรศัพท์ +66(0) 0-2553-8888 แฟกซ์ +66(0) 0-2578-8181
ฝ่ายขาย 0-2790-9999 แฟ็กซ์ 0-2553-8891-3 Email : SalesAdmin@Synnex.co.th
ฝ่ายบริการ 0-2553-8899 แฟ๊กซ์ 0-2578-8195 www.synnex.co.th, facebook : Synnexthailand