ทางสำนักข่าวรอยเตอร์ตรวจพบเนื้อความในร่างกฎหมายนโยบายกลาโหมสำหรับปีงบประมาณ 2561 ที่มีการระบุห้ามใช้งานซอฟต์แวร์ของ Kaspersky Lab ในกิจการของกระทรวงกลาโหม ด้วยเหตุผลที่ผู้ผลิตสัญชาติรัสเซียนี้ “อาจตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากรัฐบาลรัสเซีย”
ซึ่งรายงานเรื่องร่างกฎหมายนี้ ออกมาในช่วงเดียวกับที่มีข่าวว่า เจ้าหน้าที่ FBI กำลังสัมภาษณ์พนักงานของ Kaspersky นับสิบรายที่ทำงานอยู่ในสำนักงานที่ตั้งในสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปเยี่ยมถึงบ้านของพนักงานเหล่านี้เพื่อซักไซ้เกี่ยวกับกระบวนการดำเนินงานของบริษัท
ในช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ทางเจ้าหน้าที่สืบราชการลับของสหรัฐฯ ได้รายงานต่อคณะกรรมการของสภาคองเกรสว่า กำลังสอบสวนเกี่ยวกับบริษัท Kaspersky Lab และซอฟต์แวร์ของบริษัทดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นทาง Kaspersky ได้ปฏิเสธข่าวลือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการเป็นสายสืบให้ทางรัฐบาลรัสเซีย รวมทั้งยังแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการให้เจ้าหน้าที่ดูซอร์สโค้ดของซอฟต์แวร์ตัวเอง และทางซีอีโอก็ถึงกับยอมเสนอที่จะเข้าไปรับการสอบสวนต่อหน้าสภาคองเกรสด้วยถ้าจำเป็น
ทั้งนี้ ต้นเหตุที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯ เพ่งเล็งบริษัทรัสเซียนี้ เนื่องจากตัวผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Eugene Kaspersky เคยได้รับการอบรมโดย KGB และทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองของโซเวียตในกองทัพแดงมาก่อน แต่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นการตอบโต้ทางการเมือง เนื่องจากรัฐบาลรัสเซียสั่งแบน LinkedIn ไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งบีบให้หลายบริษัทด้านไอทีของสหรัฐฯ ยอมเปิดเผยซอร์สโค้ดก่อนอนุญาตให้จำหน่ายด้วย