หน้าแรก Cloud ไป่ตู้ จับมือ ไมโครซอฟท์ พัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ

ไป่ตู้ จับมือ ไมโครซอฟท์ พัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ

แบ่งปัน

ไมโครซอฟท์ และไป่ตู้ ประกาศแผนจับมือเป็นพันธมิตร เพื่อร่วมกันพัฒนาเทคนิคและประยุกต์ใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติทั่วโลก โดยไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มความร่วมมือ Apollo Alliance จะสนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่มครอบคลุมทั่วโลกนอกประเทศจีน ด้วยเทคโนโลยี Microsoft Azure Cloud

เควิน ดัลลัส รองประธานของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นยินดีที่ได้จับมือกับไป่ตู้สร้างความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์และซัพพลายเออร์ทั้งหลายบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบ ทุกวันนี้ นวัตกรรมยานยนต์มีศักยภาพในการเก็บข้อมูลในระดับที่น่าประทับใจอยู่แล้ว และเมื่อผนวกเข้ากับเทคโนโลยี cloud AI, machine learning และ deep neural network เราก็จะสามารถเร่งผลักดันให้ยานยนต์ระบบอัตโนมัติมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น”

ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาแมคคินซีย์ (McKinsey) ระบุว่า ในปี 2573 จะมีรถใหม่เป็นสัดส่วนถึง 15% ที่ขับขี่ด้วยระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวร่วมกัน โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไป่ตู้ได้ประกาศจัดตั้ง Apollo Alliance ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบเปิดที่นำเสนอโซลูชั่นที่ครอบคลุม ปลอดภัย และเชื่อถือได้ เพื่อรองรับฟีเจอร์และฟังก์ชั่นหลักๆทั้งหมดของยานยนต์อัตโนมัติ กลุ่มดังกล่าวตั้งชื่อตามโครงการส่งมนุษย์ไปสำรวจดวงจันทร์ เพื่อสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และซับซ้อนของโครงการ โดยประกอบไปด้วยบริการคลาวด์ ชุดซอฟต์แวร์แบบเปิด รวมถึงแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์อ้างอิงและแพลตฟอร์มยานยนต์ ทั้งนี้ Apollo Alliance มีพันธมิตรกว่า 50 รายจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ทอมทอม (TomTom) ผู้ให้บริการสำรวจและจัดทำแผนที่ระดับโลก รวมถึง บ๊อช (Bosch) และคอนติเนนทอล (Continental) ซัพพลายเออร์ชั้นแนวหน้า และแกร็บ (Grab) แอปเรียกรถชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หยา-ฉิน จาง ประธานของไป่ตู้ กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ไมโครซอฟท์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Apollo Alliance แพลตฟอร์มแบบเปิดอันทรงพลังที่เปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมยานยนต์สามารถบรรลุและต่อยอดเป้าหมายด้านยานยนต์อัตโนมัติ และเมื่อผนวกรวมกับเทคโนโลยี Microsoft Azure Cloud แล้ว พันธมิตรของเราที่อยู่นอกดินแดนจีนก็จะสามารถเข้าถึงระบบคลาวด์ส่วนกลางที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ส่งผลให้สามารถทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ โดยไม่ต้องสร้างระบบคลาวด์ด้วยตัวเอง”

ที่มา : InfoQuest Media Relations