หน้าแรก Home Interview เคมิทกรุ๊ป บริษัทผู้ให้บริการระบบไอทีสายเลือดใหม่ พร้อมฝ่าฟันทุกวิฤต เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง

เคมิทกรุ๊ป บริษัทผู้ให้บริการระบบไอทีสายเลือดใหม่ พร้อมฝ่าฟันทุกวิฤต เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง

แบ่งปัน

ทุกวันนี้เทคโนโลยีสารสนเทศกลายเป็นหัวใจการดำเนินงานขององค์กรทั้งในภาค รัฐและเอกชนอย่างไม่ต้องสงสัย การคัดเลือกและออกแบบระบบไอทีที่ดีและคุ้มค่าต่อการลงทุนถือเป็นความท้าทาย ของฝ่ายไอทีในองค์กร แต่เหนืออื่นใด การมีบริษัทที่ปรึกษาในการติดตั้งและวางระบบไอทีหรือ System Integrator (SI) ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีความเป็นมืออาชีพ ก็ช่วยลดภาระของฝ่ายไอที และเป็นปัจจัยส่งเสริมให้องค์กรได้ระบบไอทีที่คุ้มค่ามาใช้งานด้วยเช่นกัน

หากเปรียบเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่ในตลาด บริษัท เคมิทกรุ๊ป จำกัด คงเป็น System Integrator สายเลือดใหม่ ที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนสามารถยืนหยัดในวงการ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าระดับองค์กร โดยผู้บริหารและทีมงานแต่ละคนมีความเป็นมืออาชีพ เปี่ยมด้วยประสบการณ์ พร้อมเรียนรู้ เพื่อสร้างสรรโซลูชั่นทางด้านไอทีที่ตรงใจและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

วันนี้นิตยสาร Enterprise IT Pro ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณธีรวัฒน์ วงศ์ทาเครือ ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคมิทกรุ๊ป จำกัด เพื่อเรียนรู้แนวทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ทางการตลาดของ System Integrator หน้าใหม่ที่พร้อมเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ETP : เคมิทกรุ๊ป มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง
คุณธีรวัฒน์
: บริษัท เคมิทกรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจผู้วางระบบไอทีให้กับองค์กร หน้าที่ของเราคือการคัดเลือก อุปกรณ์ และโซลูชั่นไอทีต่างๆ มาติดตั้งให้กับลูกค้าในราคาที่เหมาะสม รวมถึงมีประสิทธิภาพและฟังก์ชั่นการทำงานตรงกับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นงานระบบ ระบบเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เราได้สั่งสมความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านไอทีมาอย่างต่อเนื่อง และพร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าระดับองค์กร

เคมิทกรุ๊ป ประกอบด้วยทีมงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในโซลูชั่นไอทีด้านต่างๆ  โดยทีมงานแต่ละคนของ เคมิทกรุ๊ป ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลากรที่มีประสบการณ์ในการออกแบบและติดตั้งระบบไอทีให้ กับองค์กรขนาดใหญ่ทั้งในภาครัฐและเอกชนมาอย่างมากมาย

kmit2

โดย ในช่วงก่อตั้งบริษัทในระยะแรก แนวทางที่เราใช้ในการบุคคลากรมาร่วมงานก็คือ การชักชวนเพื่อนฝูง รุ่นพี่รุ่นน้อง ที่จบมาและมีความถนัดในสายงานเดียวกันมาร่วมงาน ซึ่งธุรกิจช่วงแรกของ เคมิทกรุ๊ป จะเป็นการให้บริการเอาต์ซอร์ส คือการจัดหาเจ้าหน้าที่ไอทีไปประจำที่บริษัทลูกค้าในกลุ่ม SME ที่อาจจะยังไม่ต้องการจ้างเจ้าหน้าที่ด้านไอทีประจำ ซึ่งการเปิดตัวในช่วงแรกของเราด้วยธุรกิจไอทีเอาต์ซอร์สถือว่าประสบความ สำเร็จและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ชื่อของเคมิทกรุ๊ป เป็นที่รู้จักในวงการไอทีนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ETP : ระยะเวลาการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา เคมิทกรุ๊ป ต้องพบกับอุปสรรคหรือความท้าทายอย่างไรบ้าง
คุณธีรวัฒน์
: ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของ เคมิทกรุ๊ป ธุรกิจของเราไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เรามีทั้งช่วงเวลาที่ดี และช่วงเวลาที่ยากลำบากปะปนกันไป ความสำเร็จในช่วง 2 ปีแรก ทำให้เรามีความมั่นใจและเริ่มรุกตลาดด้วยการขยายบริการใหม่ๆ จนกระทั่งในช่วงปี พ.ศ. 2553-2554 เราเริ่มมีการขยายงานในการวางระบบเครือข่าย ทั้งแบบใช้สายและไร้สาย รวมถึงงานด้านซอฟต์แวร์ต่างๆ  ซึ่งก็มาประจวบเหมาะกับช่วงเหตุการวุ่นวายทางการเมืองของประเทศไทย ทำให้การลงทุนต่างๆ เกิดการขาดทุน โครงการต่างๆ ของลูกค้ามีการชะลอออกไป ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงวิกฤตของ เคมิททกรุ๊ป เลยก็ว่าได้

ETP : เคมิทกรุ๊ป ผ่านวิกฤตช่วงนั้นมาได้อย่างไร
คุณธีรวัฒน์
: เมื่อต้องเผชิญกับสภาวะที่ยากลำบากในช่วงเวลานั้น เราต้องมีการปรับตัวอย่างขนานใหญ่ ด้วยความร่วมแรงร่วมในของผู้บริหารและพนักงาน ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น สร้างกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในช่วงนั้น เช่น การนำระบบไอทีมาช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้พวกเราสามารถผ่านพ้นวิกฤตช่วงนั้นมาได้ ถือว่าเราได้บทเรียนที่ล้ำค่าในการดำเนินธุรกิจ

ETP : สถานะการณ์หลังจากช่วงวิกฤตเป็นอย่างไรบ้าง
คุณธีรวัฒน์
: หลังจากฝ่าฟันผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากมาได้ ฟ้าหลังฝนเราก็เริ่มพบกับท้องฟ้าที่สดใส เราได้รับบทเรียนหลายอย่างที่สามารถนำมาปรับใช้ในการวางนโยบายและการทำการ ตลาด ในช่วงปี พ.ศ. 2555-2557 ถือเป็นปีทองของ เคมิทกรุ๊ป เลยก็ว่าได้ หลังจากฟื้นตัวจากปัญหาเศรษฐกิจ เราได้มีการวางแผนการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความรัดกุมรอบคอบ บริการต่างๆ ที่เราเปิดตัวออกมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี มียอดเติบโตขึ้น 100% ถึง 3 ปีติดต่อกัน

ด้วยแนวโน้มดังกล่าว ทำให้เรามีความมั่นใจว่า แนวทางในการบริหารการ กลยุทธิ์การดำเนินธุรกิจ  และรูปแบบบการให้บริการลูกค้านั่นมาถูกทางแล้ว  ขณะเดียวกันเราก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีแบรนด์ต่างๆ มากขึ้น ทำให้เรามีศักยภาพในการรุกตลาดโซลูชั่นไอทีในระดับเอ็นเตอร์ไพรส์มากขึ้นใน ปีต่อๆ มา

Kmit3

ETP : ยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากงานด้านใดบ้าง
คุณธีรวัฒน์
: ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของเรา จะมาจากงานด้านการให้บริการ บำรุงรักษา และการสร้างห้องดาต้าเซ็นเตอร์ ความเอาใจใส่จากทีมงานก่อนและหลังการขาย ทีมวิศวกรที่มีความเป็นมีอาชีพ มีประสบการณ์ กับงานด้านต่างๆ อย่างแท้จริง ผลตอบรับที่เราได้ก็คือ ลูกค้ามีความพึ่งพอใจกับบริการต่างๆ ที่เรามอบให้ ผลของความพึงพอใจและความเชื่อมั่นของลูกค้า ทำให้ชื่อของ เคมิทกรุ๊ป เป็นที่ยอมรับในวงการ

ETP : บริษัทมีการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในโลกของเทคโนโลยีอย่างไรบ้าง
คุณธีรวัฒน์
: ล่าสุด เรามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเราให้ความสำคัญกับการให้บริการและสินค้าที่เรามีความเชี่ยวชาญเป็นหลัก จะไม่ได้ขายทุกอย่างเหมือนที่ผ่านมา โดยเรามีการสร้างโซลูชั่นไอทีเพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กรธุรกิจขนาด กลางถึงขนาดใหญ่ เช่นระบบเวอร์ชวลไลเซชั่น โซลูชั่นการแบ็กอัพ ขณะเดียวกันทีมงานวิศวกรของเราก็มีการพัฒนาทักษะการทำงานอย่างต่อเนื่องเช่น กั

นอกจากนี้เรายังได้มีการเปิดบริษัทในเครือเพิ่มเติมได้แก่ บริษัท KG Dataserve ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านดาต้าเซ็นเตอร์และห้องเซิร์ฟเวอร์ โดยมีโซลูชั่นทางเลือกที่เหมาะสมกับองค์กรที่มีงบการลงทุนและความต้องการ ด้านไอทีที่แตกต่างกัน โดยเรามีบริการหลัก 2 ส่วนคือ บริการด้านการย้ายห้องดาต้าเซ็นเตอร์ และการให้คำปรึกษา รวมถึงดูแลรักษาห้องดาต้าเซ็นเตอร์แบบครบวงจร

ท้ายสุด คุณธีรวัฒน์กล่าวว่า “แม้ เคมิทกรุ๊ป จะไม่ใช่บริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เราก็มีความมุ่งมั่น พร้อมพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเอง ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า บทเรียนในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นพลังทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น โดยล่าสุด เราได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการ ISO  9001:2015 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาการทำงานในทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็น Service Quality, Planning Quality และ Delivery Quality วันนี้เราพร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้า และเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป”